[FALAFON]ด้ายแดงนำโชค ร้อยรุทรักษะ มงคล 2 ต่อ
คุณสมบัติเด่น / รายละเอียดสินค้า:
[FALAFON]ด้ายแดงนำโชค ร้อยรุทรักษะ มงคล 2 ต่อ *โอม นมัส ศิวายะ Om Namah Shivaya ॐ नमः शिवाय *ด้ายแดงนำโชคร้อยรุทรักษะ ด้ายแดงแบบอีราสติกกลม ขนาด 1 มิล ยืดได้ ขยายได้เยอะ ร้อยกับเมล็ดรุทรักษะ (น้ำตาพระศิวะ) ขนาด 16 มิล แบบ 5
-6 หน้า ขัดและเคลือบแล้ว ผ่านพิธีแล้ว พร้อมใบรับรองจากฮ่องกง แพคซองพลาสติคซีล + ใบคาถา + หลักการสวมใส่ + ใส่ถุงผ้าไหมดิ้นทองสวยงามเมล็ดรุทรักษะ หรือ น้ำตาพระศิวะ ในครั้งหนึ่ง องค์มหาอุมาเทวี ได้ทูลถามองค์ พระศิวะ ถึงความสำคัญของเมล็ด รุทรักษะ ซึ่งองค์พระศิวะและเหล่าคณะปติ คณะบริวารของศิวะได้ใช้ประดับสวมใส่อยู่และได้รับทราบถึงคำตอบว่า ในครั้งหนึ่งของการทำสมาธิอันยิ่งใหญ่ ในการเปิดโลกญาณขององค์พระศิวะ เมื่อพระศิวะได้ทรงเห็นความทุกข์ยากลำบากใน การดำรงชีวิตของเหล่ามนุษย์บนโลก ด้วยความเวทนาในชะตากรรม น้ำพระอัสสุชล (น้ำตา) ของพระศิวะจึงได้หยดลงมาบนพื้นโลก ก็ได้บังเกิดเป็นต้นไม้ขึ้น พระศิวะจึงได้อำนวยพรให้กับต้นไม้ที่กำเนิดนั้น โดยให้ถือว่าเป็นต้นไม้มงคล และตั้งชื่อให้ว่า ต้นรุทรักษะ และอำนวยพรให้แก่มนุษย์ที่ได้นำเมล็ดรุทรักษะไปประดับ หรือสวมใส่ด้วยความเคารพรักและสวดบูชาอยู่เป็นนิจ เมล็ดรุทรักษะ หรือ น้ำตาพระศิวะ นี้ เป็นเมล็ดผลไม้ที่ทรงโปรดแห่งพระศิวะเทพ เป็นสิ่งที่นำความศักดิ์สิทธิ์ ขับไล่บาปทั้งหมดได้ด้วยการได้เห็น ได้สัมผัส และได้ท่องสวด (ลูกประคำ) จากหยดน้ำตาที่ไหลออกมา ได้เกิดเป็นต้นรุทรักษะขึ้น และได้ออกลูกมาเป็นจำนวนมาก ต้นรุทรักษะเหล่านี้ได้เจริญในดินแดน เกาฑะ, มธุรา, ลังกา, อโยธยา, มาลัย, ภูเขา, สหยะ, แคว้นกาศี และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ มันสามารถจะทำลายบาปให้หมดไปได้ สีสรรต่างๆ แห่งเมล็ดรุทรักษะนั้นมีอยู่ 4 สี คือ สีขาว สีแดง สีเหลือง และสีดำ ผู้ที่บูชาพระศิวะ จะต้องเลือกสวมใส่เมล็ดรุทรักษะตามวรรณะที่ตนอยู่ ไม่มีสร้อยคออื่น หรือพวงมาลัยอื่นใด ที่จะนำความเป็นศิริมงคลและให้ความสำเร็จสมประสงค์ทุกอย่าง เท่ากับการได้สวมใส่เมล็ดรุทรักษะ จะต้องสวมใส่เมล็ดผลไม้นี้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย คือจะต้องร้อยเมล็ดรุทรักษะ 6 เมล็ด เมล็ดไว้บนหูแทนต่างหูทั้งสองข้าง จำนวน 101 เมล็ดจะร้อยใช้แทนสร้อยคอ จำนวน 11 เมล็ดจะสวมไว้รอบแขนที่ซ้ายและขวา , ที่ข้อศอกและที่บั่นเอว ผู้บูชาต่อพระศิวะเทพจะต้องร้อยรุทรักษะสวมเมล็ด กับด้ายสายสิญจ์ของเขากฎแห่งพระเวทย์การสวมใส่เมล็ดรุทรักษะในแต่ละวรรณะ ตามกฎแห่งพระเวทย์ที่ได้รับวางไว้ คือ สีขาว สำหรับ วรรณะพราหมณ์ (ชั้นนักบวช ผู้สั่งสอน) สีแดง สำหรับ วรรณะกษัตริย์ (ชั้นการปกครอง บ้านเมือง) สีเหลือง สำหรับ วรรณะแพศย์ (ชั้นนักค้าขาย ทั่วๆไป) สีดำ สำหรับ วรรณะศูทร (ชั้นแรงงาน) ประชากรแห่งวรรณะทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหญิงชาย ก็สามารถสวมใส่เมล็ดรุทรักษะได้ตามบัญชาของพระศิวะเทพ คนเหล่านั้นที่ได้สวมใส่เมล็ดรุทรักษะ กระทำการบูชาต่อพระศิวะและประพฤติดีตลอดชีวิต จะไม่ตกสู่นรกแห่งพระยมราชเลย พระยมราช ได้มีบัญชาต่อบริวารฑูตของพระองค์ว่า "มนุษย์ผู้ใดที่สวมใส่เมล็ดรุทรักษะ แม้เพียงเมล็ดเดียวไว้บนศีรษะแล้ว มีการเขียน ตริปุนทรไว้บนหน้าผากและมีการท่องสวมมนต์ 5 พยางค์แล้วจะต้องทำความความเคารพต่อเขาทันที เขาเหล่านี้เป็นบริวารแห่งพระศิวะเทพ และไม่จับกุมหรือทรมานแต่อย่างใด ตราบนานเท่านานที่สวมใส่เมล็ดรุทรักษะ มนุษย์ผู้นั้นจะมีจิตวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นที่โปรดปรานแห่งเทพเจ้าทั้ง 5 พระองค์ (พระอาทิตย์, พระคเนศ, พระแม่ทรุคา, พระรุทระ และพระวิษณุเทพ) และเป็นที่ชอบพอรักใคร่ของเทพทั้งมวลด้วย"คุณสมบัติเมล็ดรุทรักษะ
1. ผู้ที่สวมใส่รุทรักษะ จะไม่มีไสยเวทย์ ภูตผี วิญญาณร้าย มารบกวน หรือรังควาญ
2. ผู้ที่สวมใส่รุทรักษะ เมื่อเสียชีวิตลงในขณะที่สวมใส่รุทรักษะจะไม่ต้องได้รับการคร่ากุม หรือจับกุมโดยยมทูต เพื่อไปรับโทษในนรก
3. ผู้ที่สวมใส่รุทรักษะ จะทำให้มีเรื่องเสียใจหรือเศร้าหมองน้อยลง เสียน้ำตาน้อยลง และหากเมล็ดรุทรักษะยิ่งมีขนาดเล็กลงเท่าใด ก็จะยิ่งจะทำให้เสียน้ำตาน้อยลงเท่านั้น
4. ผู้ที่สวมใส่รุทรักษะ จะสามารถรักษาสุขภาพ ให้ดีและแข็งแรงได้ เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคที่ ทางการแพทย์ไม่สามารถรักษาให้หายเด็ดขาดหรือให้ข้อสรุปที่ชัดเจนได้คาถาโอม นมัส ศิวายะ Om Namah Shivaya ॐ नमः शिवायแปลว่า "โอ! การเคารพกราบกานต่อผู้รุ่งเรืองยิ่ง!" หรือ "ความรัก ความเคารพบูชา ต่อองค์พระศิวะเรียกอีกชื่อว่า ศิวปัญจักศร (Shiva Panchakshara) หรือ ปัญจักศร (Panchakshara) ซึ่งแปลว่า "มนตร์ที่มีห้า (ปัญจ) พยางค์ (อักษร)" (คือไม่รวมคำว่า โอม) ซึ่งสวดเพื่อบูชาพระศิวะวิธีสวด
-โอม นะมัส ศิวายะ (สามจบ)
- บทสรรเสริญ ( หนึ่งจบ )โอม กระปูระเคารัม กรุณาวะตารัม สัมสาระสารัม ภุชะเคน ทระหารัมสะทาวะสันตัม หะริทะยาระวินเทภะวัมภะวาณิ สะหิตัม นะมามิคำแปลพระศิวะผู้มีพระวรกายขาวดั่งการบูน เป็นอวตารแห่งความกรุณา เป็นที่สุดแห่งสังสารวัฏมีพญานาคเป็นสร้อยพระศอ ผู้ประทับในกมลหทัย(หัวใจรูปดอกบัว)ของเราในกาลทุกเมื่อข้าฯขอน้อมไหว้ พระภวะ(การดำรงอยู่)กับทั้งพระแม่ภวานีพระองค์นั้นหลักการใส่• ใส่มือซ้าย เพราะเชื่อว่าใกล้หัวใจ หรือใส่คู่สองข้าง• เมื่อจะทำการใดที่ต้องสัมผัสน้ำควรถอดเก็บก่อน• ไม่ควรวางเก็บไว้ในที่ต่ำ• เมื่อสวดมนต์ไหว้พระ ควรใส่ไว้หรือวางไว้เบื้องหน้า เพื่อรับพลังด้านบวก• เป็นเครื่องราง ไม่ใช่วัตถุมงคล ไม่ต้องบูชา แต่ใช้เป็นเครื่องบูชาแด่องค์เทพศิวะหรือองค์พิคเณศได้* บทความนี้เป็นความเชื่อ และเรื่องที่เล่าขานสืบต่อกันมา ** ขอให้ท่านที่ได้รับไป จงได้รับพร และสมความปรารถนา สุขสมหวัง โอม นมัส ศิวายะ *#ด้ายแดง #ด้ายแดงนําโชค #ด้ายแดงมงคล #แก้ชง #สายมู #ปี่เซียะมงคล #มันนี่อมูเลต #ด้ายแดงถูก #กำไลปี่เซี๊ยะ #ปี่เซี๊ยะ #สร้อยข้อมือปี่เซียะ #สร้อยข้อมือ #กําไล #ปี่เซียะเปลี่ยนสี #ของมงคล #ของชำร่วย #ของขวัญ #ของขวัญมงคล #ของแจก #แก้เคล็ด
-6 หน้า ขัดและเคลือบแล้ว ผ่านพิธีแล้ว พร้อมใบรับรองจากฮ่องกง แพคซองพลาสติคซีล + ใบคาถา + หลักการสวมใส่ + ใส่ถุงผ้าไหมดิ้นทองสวยงามเมล็ดรุทรักษะ หรือ น้ำตาพระศิวะ ในครั้งหนึ่ง องค์มหาอุมาเทวี ได้ทูลถามองค์ พระศิวะ ถึงความสำคัญของเมล็ด รุทรักษะ ซึ่งองค์พระศิวะและเหล่าคณะปติ คณะบริวารของศิวะได้ใช้ประดับสวมใส่อยู่และได้รับทราบถึงคำตอบว่า ในครั้งหนึ่งของการทำสมาธิอันยิ่งใหญ่ ในการเปิดโลกญาณขององค์พระศิวะ เมื่อพระศิวะได้ทรงเห็นความทุกข์ยากลำบากใน การดำรงชีวิตของเหล่ามนุษย์บนโลก ด้วยความเวทนาในชะตากรรม น้ำพระอัสสุชล (น้ำตา) ของพระศิวะจึงได้หยดลงมาบนพื้นโลก ก็ได้บังเกิดเป็นต้นไม้ขึ้น พระศิวะจึงได้อำนวยพรให้กับต้นไม้ที่กำเนิดนั้น โดยให้ถือว่าเป็นต้นไม้มงคล และตั้งชื่อให้ว่า ต้นรุทรักษะ และอำนวยพรให้แก่มนุษย์ที่ได้นำเมล็ดรุทรักษะไปประดับ หรือสวมใส่ด้วยความเคารพรักและสวดบูชาอยู่เป็นนิจ เมล็ดรุทรักษะ หรือ น้ำตาพระศิวะ นี้ เป็นเมล็ดผลไม้ที่ทรงโปรดแห่งพระศิวะเทพ เป็นสิ่งที่นำความศักดิ์สิทธิ์ ขับไล่บาปทั้งหมดได้ด้วยการได้เห็น ได้สัมผัส และได้ท่องสวด (ลูกประคำ) จากหยดน้ำตาที่ไหลออกมา ได้เกิดเป็นต้นรุทรักษะขึ้น และได้ออกลูกมาเป็นจำนวนมาก ต้นรุทรักษะเหล่านี้ได้เจริญในดินแดน เกาฑะ, มธุรา, ลังกา, อโยธยา, มาลัย, ภูเขา, สหยะ, แคว้นกาศี และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ มันสามารถจะทำลายบาปให้หมดไปได้ สีสรรต่างๆ แห่งเมล็ดรุทรักษะนั้นมีอยู่ 4 สี คือ สีขาว สีแดง สีเหลือง และสีดำ ผู้ที่บูชาพระศิวะ จะต้องเลือกสวมใส่เมล็ดรุทรักษะตามวรรณะที่ตนอยู่ ไม่มีสร้อยคออื่น หรือพวงมาลัยอื่นใด ที่จะนำความเป็นศิริมงคลและให้ความสำเร็จสมประสงค์ทุกอย่าง เท่ากับการได้สวมใส่เมล็ดรุทรักษะ จะต้องสวมใส่เมล็ดผลไม้นี้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย คือจะต้องร้อยเมล็ดรุทรักษะ 6 เมล็ด เมล็ดไว้บนหูแทนต่างหูทั้งสองข้าง จำนวน 101 เมล็ดจะร้อยใช้แทนสร้อยคอ จำนวน 11 เมล็ดจะสวมไว้รอบแขนที่ซ้ายและขวา , ที่ข้อศอกและที่บั่นเอว ผู้บูชาต่อพระศิวะเทพจะต้องร้อยรุทรักษะสวมเมล็ด กับด้ายสายสิญจ์ของเขากฎแห่งพระเวทย์การสวมใส่เมล็ดรุทรักษะในแต่ละวรรณะ ตามกฎแห่งพระเวทย์ที่ได้รับวางไว้ คือ สีขาว สำหรับ วรรณะพราหมณ์ (ชั้นนักบวช ผู้สั่งสอน) สีแดง สำหรับ วรรณะกษัตริย์ (ชั้นการปกครอง บ้านเมือง) สีเหลือง สำหรับ วรรณะแพศย์ (ชั้นนักค้าขาย ทั่วๆไป) สีดำ สำหรับ วรรณะศูทร (ชั้นแรงงาน) ประชากรแห่งวรรณะทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหญิงชาย ก็สามารถสวมใส่เมล็ดรุทรักษะได้ตามบัญชาของพระศิวะเทพ คนเหล่านั้นที่ได้สวมใส่เมล็ดรุทรักษะ กระทำการบูชาต่อพระศิวะและประพฤติดีตลอดชีวิต จะไม่ตกสู่นรกแห่งพระยมราชเลย พระยมราช ได้มีบัญชาต่อบริวารฑูตของพระองค์ว่า "มนุษย์ผู้ใดที่สวมใส่เมล็ดรุทรักษะ แม้เพียงเมล็ดเดียวไว้บนศีรษะแล้ว มีการเขียน ตริปุนทรไว้บนหน้าผากและมีการท่องสวมมนต์ 5 พยางค์แล้วจะต้องทำความความเคารพต่อเขาทันที เขาเหล่านี้เป็นบริวารแห่งพระศิวะเทพ และไม่จับกุมหรือทรมานแต่อย่างใด ตราบนานเท่านานที่สวมใส่เมล็ดรุทรักษะ มนุษย์ผู้นั้นจะมีจิตวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นที่โปรดปรานแห่งเทพเจ้าทั้ง 5 พระองค์ (พระอาทิตย์, พระคเนศ, พระแม่ทรุคา, พระรุทระ และพระวิษณุเทพ) และเป็นที่ชอบพอรักใคร่ของเทพทั้งมวลด้วย"คุณสมบัติเมล็ดรุทรักษะ
1. ผู้ที่สวมใส่รุทรักษะ จะไม่มีไสยเวทย์ ภูตผี วิญญาณร้าย มารบกวน หรือรังควาญ
2. ผู้ที่สวมใส่รุทรักษะ เมื่อเสียชีวิตลงในขณะที่สวมใส่รุทรักษะจะไม่ต้องได้รับการคร่ากุม หรือจับกุมโดยยมทูต เพื่อไปรับโทษในนรก
3. ผู้ที่สวมใส่รุทรักษะ จะทำให้มีเรื่องเสียใจหรือเศร้าหมองน้อยลง เสียน้ำตาน้อยลง และหากเมล็ดรุทรักษะยิ่งมีขนาดเล็กลงเท่าใด ก็จะยิ่งจะทำให้เสียน้ำตาน้อยลงเท่านั้น
4. ผู้ที่สวมใส่รุทรักษะ จะสามารถรักษาสุขภาพ ให้ดีและแข็งแรงได้ เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคที่ ทางการแพทย์ไม่สามารถรักษาให้หายเด็ดขาดหรือให้ข้อสรุปที่ชัดเจนได้คาถาโอม นมัส ศิวายะ Om Namah Shivaya ॐ नमः शिवायแปลว่า "โอ! การเคารพกราบกานต่อผู้รุ่งเรืองยิ่ง!" หรือ "ความรัก ความเคารพบูชา ต่อองค์พระศิวะเรียกอีกชื่อว่า ศิวปัญจักศร (Shiva Panchakshara) หรือ ปัญจักศร (Panchakshara) ซึ่งแปลว่า "มนตร์ที่มีห้า (ปัญจ) พยางค์ (อักษร)" (คือไม่รวมคำว่า โอม) ซึ่งสวดเพื่อบูชาพระศิวะวิธีสวด
-โอม นะมัส ศิวายะ (สามจบ)
- บทสรรเสริญ ( หนึ่งจบ )โอม กระปูระเคารัม กรุณาวะตารัม สัมสาระสารัม ภุชะเคน ทระหารัมสะทาวะสันตัม หะริทะยาระวินเทภะวัมภะวาณิ สะหิตัม นะมามิคำแปลพระศิวะผู้มีพระวรกายขาวดั่งการบูน เป็นอวตารแห่งความกรุณา เป็นที่สุดแห่งสังสารวัฏมีพญานาคเป็นสร้อยพระศอ ผู้ประทับในกมลหทัย(หัวใจรูปดอกบัว)ของเราในกาลทุกเมื่อข้าฯขอน้อมไหว้ พระภวะ(การดำรงอยู่)กับทั้งพระแม่ภวานีพระองค์นั้นหลักการใส่• ใส่มือซ้าย เพราะเชื่อว่าใกล้หัวใจ หรือใส่คู่สองข้าง• เมื่อจะทำการใดที่ต้องสัมผัสน้ำควรถอดเก็บก่อน• ไม่ควรวางเก็บไว้ในที่ต่ำ• เมื่อสวดมนต์ไหว้พระ ควรใส่ไว้หรือวางไว้เบื้องหน้า เพื่อรับพลังด้านบวก• เป็นเครื่องราง ไม่ใช่วัตถุมงคล ไม่ต้องบูชา แต่ใช้เป็นเครื่องบูชาแด่องค์เทพศิวะหรือองค์พิคเณศได้* บทความนี้เป็นความเชื่อ และเรื่องที่เล่าขานสืบต่อกันมา ** ขอให้ท่านที่ได้รับไป จงได้รับพร และสมความปรารถนา สุขสมหวัง โอม นมัส ศิวายะ *#ด้ายแดง #ด้ายแดงนําโชค #ด้ายแดงมงคล #แก้ชง #สายมู #ปี่เซียะมงคล #มันนี่อมูเลต #ด้ายแดงถูก #กำไลปี่เซี๊ยะ #ปี่เซี๊ยะ #สร้อยข้อมือปี่เซียะ #สร้อยข้อมือ #กําไล #ปี่เซียะเปลี่ยนสี #ของมงคล #ของชำร่วย #ของขวัญ #ของขวัญมงคล #ของแจก #แก้เคล็ด