เมล็ดแฟลกซ์สีทองออร์แกนิค Organic Golden Flax seeds by Wholesome Pantry ถุงซิปล็อค ขนาด 100g ราคา 65 บาท
คุณสมบัติเด่น / รายละเอียดสินค้า:
ประโยชน์ของเมล็ดแฟลกซ์ (Flax seeds)
1. มีเส้นใยไฟเบอร์สูง จึงช่วยระบบการย่อยอาหารและปรับสมดุลลำไส้
2. มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ในปริมาณที่สูง ซึ่งส่วนมากจะพบในปลาบางประเภทเช่น แซลมอน แมคคาเรล ไขมันประเภทนี้เป็นไขมันดีประเภทไม่อิ่มตัว ซึ่งช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอล ช่วยในการทำงานของระบบหัวใจ และช่วยป้องกันการเติบโตของเซลส์มะเร็งบางประเภทเช่น มะเร็งเต้านม (รวมถึงความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน) มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้
3. มีลิกแนน (Lignans) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบภายในร่างกาย ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และช่วยลดปัจจัยเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อประเภทเรื้อรังเช่น ความดันโลหิต ไขมันในเส้นเลือด เบาหวาน เป็นต้น
4. ช่วยลดความดันเลือด ลดการอักเสบภายในร่างกายและช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอคำแนะนำในการรับประทานเมล็ดแฟลกซ์เมล็ดแฟลกซ์สีทองจะมีรสชาติอ่อนกว่าสีน้ำตาลนิดหน่อย ทำให้ทานง่ายกว่าสำหรับผู้ที่เริ่มต้นทาน แต่คุณค่าทางโภชนาการไม่ต่างกัน เว้นแต่ว่าเมล็ดแฟลกซ์สีน้ำตาลจะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 สุงกว่าสีทองประมาณ 6% เนื่องจากรสชาติและสีที่เข้มข้นของเมล็ดแฟลกซ์สีน้ำตาล ผู้ทำอาหารหรือขนมบางท่านจึงนิยมใช้เมล็ดแฟลกซ์สีทองเป็นส่วนผสมมากกว่าสีน้ำตาลซึ่งอาจส่งผลต่อสีของอาหารหรือขนมนั้น ๆ หลังจากอบหรือคั่วแล้ว เมล็ดแฟลกซ์สามารถทานได้ทั้งแบบเต็มเมล็ดและแบบป่นละเอียด แต่เนื่องจากธรรมชาติของเมล็ดแฟลกซ์มีเปลือกค่อนข้างแข็ง และเมล็ดแน่น จึงแนะนำให้รับประทานแบบป่นละเอียดเพื่อให้ทานง่ายและช่วยให้ย่อยได้ง่ายขึ้น และควรเริ่มทานจากประมาณวันละหนึ่งช้อนโต๊ะ แล้วค่อย ๆ เพิ่มขึ้น สูงสุดไม่ควรเกินวันละสามช้อนโต๊ะ การทานสามารถทำได้โดยการโรยบนข้าว โจ๊ก สลัด น้ำเต้าหู้ นม หรือเครื่องดื่มต่าง ๆ ตามชอบ และควรดื่มน้ำครึ่งแก้วเป็นอย่างน้อย เพื่อป้องกันท้องอืด เมล็ดแฟลกซ์ทั้แบบเต็มเมล็ดและแบบป่นยังสามารถนำไปประกอบอาหารหรือขนมเมนูสุขภาพได้อีกหลายเมนูคำแนะนำในการเก็บรักษาเมล็ดแฟลกซ์แบบเต็มเมล็ดสามารถเก็บรักษาในภาชนะที่ปิดมิดชิดที่แห้ง ไม่อับชื้น ไม่กระทบแสงแดดได้นานกว่าหนึ่งปี แต่ถ้าหากคั่วหรืออบและบดละเอียดแล้ว ควรเก็บในตู้เย็นและรับประทานให้หมดภายในหกสัปดาห์
1. มีเส้นใยไฟเบอร์สูง จึงช่วยระบบการย่อยอาหารและปรับสมดุลลำไส้
2. มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ในปริมาณที่สูง ซึ่งส่วนมากจะพบในปลาบางประเภทเช่น แซลมอน แมคคาเรล ไขมันประเภทนี้เป็นไขมันดีประเภทไม่อิ่มตัว ซึ่งช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอล ช่วยในการทำงานของระบบหัวใจ และช่วยป้องกันการเติบโตของเซลส์มะเร็งบางประเภทเช่น มะเร็งเต้านม (รวมถึงความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน) มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้
3. มีลิกแนน (Lignans) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบภายในร่างกาย ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และช่วยลดปัจจัยเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อประเภทเรื้อรังเช่น ความดันโลหิต ไขมันในเส้นเลือด เบาหวาน เป็นต้น
4. ช่วยลดความดันเลือด ลดการอักเสบภายในร่างกายและช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอคำแนะนำในการรับประทานเมล็ดแฟลกซ์เมล็ดแฟลกซ์สีทองจะมีรสชาติอ่อนกว่าสีน้ำตาลนิดหน่อย ทำให้ทานง่ายกว่าสำหรับผู้ที่เริ่มต้นทาน แต่คุณค่าทางโภชนาการไม่ต่างกัน เว้นแต่ว่าเมล็ดแฟลกซ์สีน้ำตาลจะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 สุงกว่าสีทองประมาณ 6% เนื่องจากรสชาติและสีที่เข้มข้นของเมล็ดแฟลกซ์สีน้ำตาล ผู้ทำอาหารหรือขนมบางท่านจึงนิยมใช้เมล็ดแฟลกซ์สีทองเป็นส่วนผสมมากกว่าสีน้ำตาลซึ่งอาจส่งผลต่อสีของอาหารหรือขนมนั้น ๆ หลังจากอบหรือคั่วแล้ว เมล็ดแฟลกซ์สามารถทานได้ทั้งแบบเต็มเมล็ดและแบบป่นละเอียด แต่เนื่องจากธรรมชาติของเมล็ดแฟลกซ์มีเปลือกค่อนข้างแข็ง และเมล็ดแน่น จึงแนะนำให้รับประทานแบบป่นละเอียดเพื่อให้ทานง่ายและช่วยให้ย่อยได้ง่ายขึ้น และควรเริ่มทานจากประมาณวันละหนึ่งช้อนโต๊ะ แล้วค่อย ๆ เพิ่มขึ้น สูงสุดไม่ควรเกินวันละสามช้อนโต๊ะ การทานสามารถทำได้โดยการโรยบนข้าว โจ๊ก สลัด น้ำเต้าหู้ นม หรือเครื่องดื่มต่าง ๆ ตามชอบ และควรดื่มน้ำครึ่งแก้วเป็นอย่างน้อย เพื่อป้องกันท้องอืด เมล็ดแฟลกซ์ทั้แบบเต็มเมล็ดและแบบป่นยังสามารถนำไปประกอบอาหารหรือขนมเมนูสุขภาพได้อีกหลายเมนูคำแนะนำในการเก็บรักษาเมล็ดแฟลกซ์แบบเต็มเมล็ดสามารถเก็บรักษาในภาชนะที่ปิดมิดชิดที่แห้ง ไม่อับชื้น ไม่กระทบแสงแดดได้นานกว่าหนึ่งปี แต่ถ้าหากคั่วหรืออบและบดละเอียดแล้ว ควรเก็บในตู้เย็นและรับประทานให้หมดภายในหกสัปดาห์