หลวงปู่ทวดวัดช้างไห้ปี2497 พร้อมซองเดิมจากวัด(รับพระ5องค์)
คุณสมบัติเด่น / รายละเอียดสินค้า:
ประวัติการสร้างพระหลวงปู่ทวด จากหนังสือพระราชทานเพลิงศพ หลวงปู่ทิม ธมฺมธโรพระครูวิสัยโสภณ หรือพระอาจารย์ทิม ธัมมธโร แห่งวัดช้างให้ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เกิดวันพุธ เดือน ๙ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีชวด จ.ศ.๑๒๗๔ ตรงกับวันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๕๕ ณ บ้านนาประดู่ ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ในวันที่พระอาจารย์ทิมมรณภาพ ซึ่งตรงกับวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๑๒ พระอำนวย นนทิโย ซึ่งเป็นศิษย์ของท่าน และนายเพิ่ม พรหมประดู่ พี่ชายของท่านต้องคอยปฏิบัติเลือดออกปากอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งเวลา ๐.๓๗ น. พระอาจารย์ทิมหมดลม อัสสาสะปัสสาสะพอดี ที่โรงพยาบาลกลาง กทม.ในหนังสือประวัติพระราชทานเพลิงศพพระครูวิสัยโสภณ (ทิม ธมฺมธโร) ที่เรียบเรียงโดยพระโศภนธรรมคุณ วัดนาประดู่ เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๑๘ ซึ่งนำมาแจกในวันงานพระราชทานเพลิงศพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๘ มีการบันทึกข้อมูลการจัดสร้างพระหลวงปู่ทวดที่น่าสนใจ ดังนี้หน้าที่ ๑๒
-๑๔ ได้เขียนถึงการสร้างพระหลวงปู่ทวดไว้ว่า ท่านพระครูได้ปรึกษาหารือกับท่านนอง ธมฺมภูโต ตืด พระธรรมกิจโกศล เจ้าอาวาสวัดทรายขาวองค์ปัจจุบัน (ขณะนั้นยังมีชีวิตอยู่) ต่างก็เห็นชอบด้วย และในเวลาเดียวกัน นายอนันต์ คณานุรักษ์ คหบดีตลาดปัตตานีซึ่งสนใจเรื่องนี้อยู่แล้ว ขอระรับภารให้การอุปถัมภ์ในการสร้างพระเครื่องนี้ทั้งหมดเกี่ยวกับทุนดำเนินงาน พระครูธรรมกิจโกศลพร้อมด้วยพระเณรวัดนาดู วัดทรายขาว และวัดช้างให้ รับภาระในการจัดหาว่านชนิดต่างๆ เท่าที่ต้องการมาให้วันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ.๒๔๙๗ ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๔ ปีมะเมีย จ.ศ.๑๓๑๖ เวลาเที่ยงตรงเป็นเวลาท่านพระครูกดพระเครื่องเข้าเบ้าพิมพ์และลงมือทำพระเครื่องไปโดยลำดับ พระครูธรรมกิจโกศล (นอง ธมฺมภูโต) เป็นผู้หนึ่งที่ประจำโรงพิธีร่วมกับท่านอาจารย์ทิม คือ พระครูวิสัยโสภณตลอดไปนอกจากนี้พระเณรที่วัดต่างก็ช่วยกันกดพิมพ์พระเครื่องตามที่ท่านพระครูสั่งให้ทำจนถึงวันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๗ ได้พระเครื่อง ๖๔,๐๐๐ องค์ แต่จะพิมพ์ให้ได้ ๘๔,๐๐๐ องค์ แต่เวลาไม่พอด้วยว่าจะทำการปลุกเสกในวันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๗ วันอาทิตย์เพ็ญเดือน ๕ เวลาเที่ยงเมื่อได้ฤกษ์ตามที่ท่านกำหนดไว้ท่านพระครูเข้านั่งประจำที่ประกอบพิธีปลุกเสกองค์เดียวจนถึงเวลา ๑๖.๐๐ น. ของวันเดียวกันนั้น ต่อจากนั้นท่านก็มอบพระเครื่องให้แก่ผู้ที่เคารพนับถือคนละหนึ่งองค์ เป็นที่น่าสังเกตว่า การประกอบพิธีปลุกเสกพระเครื่องหลวงพ่อทวด ท่านพระครูประกอบพิธีปลุกเสกเพียงองค์เดียวเท่านั้นเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่ท่านสร้างพระเครื่อง พระเครื่องหลวงปู่ทวดมีชื่อเสียงดังไปทั่วประเทศ เข้าใจว่าทั้งนี้เนื่องจากท่านผู้ปลุกเสกมีพลังจิตสูงมีเมตตาสูง และผู้สร้างมิได้มีจิตคิดหาลาภผลทางวัตถุแต่อย่างใด ตั้งใจจะเป็นเครื่องสักการบูชาของผู้ที่เคารพนับถือท่านอาจารย์ทิม หรือท่านพระครูวิสัยโสภณ ปลุกหลวงพ่อทวดให้ตื่นขึ้นในระยะเวลา ๒๐ ปีมานี้ ทำให้ผู้คนรู้จักวัดช้างให้ รู้จักพระเครื่องหลวงพ่อทวด จ.ปัตตานี ซึ่งจะมีเซียนพระสายหลวงปู่ทวดสักกี่คนที่เคยได้อ่าน “หนังสือประวัติพระราชทานเพลิงศพพระครูวิสัยโสภณ (ทิม ธมฺมธโร) ที่เรียบเรียงโดย พระโศภนธรรมคุณ วัดนาประดู่” ส่วนใหญ่จะเป็นไปในลักษณะที่ “ดูพระเป็นแต่ไม่รู้ประวัติศาสตร์การสร้างที่ชัดเจน”ในกรณีการจัดสร้างพระหลวงปู่ทวดเนื้อทองคำมีข้อถกเถียงในวงการพระเครื่องมาตลอด แต่ข้อถกเถียงมาสิ้นสุดที่คำกล่าวของ “หลวงอำนวย” หรือ “พระอำนวย นนทิโย” พระลูกศิษย์ใกล้ชิดพระครูวิสัยโสภณ หรือพระอาจารย์ทิม ธัมมโร แห่งวัดช้างให้ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ซึ่งเคยติดตามอาจารย์ทิมตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งปัจจุบันได้ลาสิกขาเป็นฆราวาส ที่ว่า“มีการสร้างพระหลวงปู่ทวดทองคำเอาไว้จำนวนหนึ่งจริง ตนเห็นกับตา พระเครื่องทองคำส่วนหนึ่งที่จัดสร้างขึ้นก็เพื่อมอบให้คหบดี ผู้มีชื่อเสียง ข้าราชการระดับสูงและเศรษฐีที่บริจาคปัจจัยจำนวนมาก เพื่อตอบแทนน้ำใจที่มีส่วนช่วยบูรณะวัดช้างให้เป็นกรณีพิเศษ จะเรียกว่าพระเครื่องหลวงปู่ทวดที่เป็นทองคำนั้นมอบให้เฉพาะเจาะจงแก่บุคคลสำคัญๆ ก็ว่าได้”พระอาจารย์ทิม ธัมมโร ได้สร้างสุดยอดแห่งรูปเคารพพระเครื่องหลวงปู่ทวดจากภาพนิมิตร ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๗ อันลือลั่น ตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้สาธุชนทั้งชาวไทยและต่างประเทศยังไม่ลดละความพยายามพากันเสาะแสวงหาเพื่อบูชาติดตัวพร้อมอาราธนาบทพุทธคุณ “นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภควา” เพื่อให้แคล้วคลาดจากภยันตรายและเจริญด้วยสิริสวัสดิ์ทั้งหลายทั้งปวงเมื่อเอ่ย ถึงประวัติในการสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวดว่านรุ่นแรก พ.ศ.2497 จ.ปัตตานี. มีหลายๆท่านอาจจะได้รับทราบข้อมูลมามากมาย จากสื่อนิตยสาร รวมเล่ม จากประวัติที่ได้ฟังเขาเล่าขานกันมา เรื่องราวการจัดสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวด ว่านรุ่นแรกนั้น ยังมีอีกหลายท่านที่ยังไม่ทราบความเป็นจริงว่าพระเครื่องหลวงปู่ทวดว่าน 2497 นั้น ว่านที่นำมาเป็นส่วนผสมนั้น มีทั้งหมด 200 กว่าชนิด คำว่า 108 มิใช่ว่าน 108 ชนิด แต่เป็นเรื่องพุทธคุณที่มีถึง 108 คำว่า 108 ก็คือ “ได้ทุกสิ่งอะไรก็ได้ศักดิ์สิทธิ์”คำว่าศักดิ์สิทธิ์ เป็นคำพูดที่ครอบ จักรวาล นั่นเองคนเขามักจะนิยมเอามาพูดกัน.พูด ถึงว่านต่างๆที่พระอาจารย์ทิมได้บอกกล่าวให้ ชาวบ้านแถบป่าไร่ ข้างวัดช้างไห้เวลาไปกรีดยาง ขากลับให้นำว่านมาทิ้งไว้ตรงบริเวณลานวัดเพื่อทำการตากแห้ง.คำบอกเล่าจากปาก อ.แย้ม พุฒยอด.อาจารย์แย้ม พุฒยอด. หรือที่ท่านอาจารย์ทิม จะเรียกว่า เจ้าแย้ม นั้นเป็นศิษย์เอก ของพระอาจารย์ทิม พื้นเพเดิม อ.แย้ม อยู่เยื้องๆกับวัดช้างไห้ มีบ้านและสวนยางอยู่ในละแวกนั้น ซึ่งจัดได้ว่า อ.แย้ม เป็นผู้มีฐานะคนหนึ่ง อีกทั้งยังได้รับการถ่ายทอด วิชาอาคม จากพระอาจารย์ทิม ในเรื่องของการ สักยันต์นั่นเอง. ท่านอาจารย์แย้ม ได้เล่าให้ฟังว่า ท่านอาจารย์ทิมท่านเป็นพระอาจารย์ที่น่ารักมาก มีจิต เมตตาต่อชาวบ้าน ไม่ว่าพระอาจารย์ทิม จะขอความช่วยเหลืออะไร ชาวบ้านจะยื่นมือเข้ามาช่วยทันทีเหมือนอย่างกับการที่พระอาจารย์ทิม ได้ดำริ ว่าจะสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวดว่าน 108 ชาวบ้านที่ทราบต่างก็เสาะหาว่านมาให้กับพระอาจารย์ทิมทันที.จากคำ บอกเล่าของท่านอาจารย์แย้ม พุฒยอด.ว่า เรื่องการจัดสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวดว่านรุ่นแรกนั้น เกิดจาก คุณอนันต์ คณานุรักษ์. ท่านนิมิตย์ถึงหลวงปู่ทวด ให้มีการจัดสร้างพระเครื่องขึ้น ซึ่งพระอาจารย์ทิม ท่านให้ คุณอนันต์เป็นผู้ดำเนินการจัดทำบล็อก ทั้งหมด.บล็อกพระเป็นบล็อกครั่งพูดถึงบล็อกพระเครื่องหลวงปู่ทวด ครั้งแรกเป็นโลหะ แล้ว นำครั่งพุทรามาเททำบล็อกจึงไม่เป็นที่น่าแปลกที่จะเจอบล็อกแท้ๆของพระเครื่องหลวงปู่ทวดที่เป็นครั่งจะมีการหดตัวสูงหากเปรียบกับกาลเวลาที่ได้จัดทำมาถึง “ห้าสิบกว่าปี” มาแล้ว ตั้งแต่ ปี พ.ศ.
2497. มาจนถึงวันนี้บล็อกครั่ง ร่วม 100 บล็อก.อ.แย้ม ได้เล่าต่อไปว่า คุณอนันต์ได้จัดทำบล็อกขึ้น เกือบ 100 บล็อก.ใช้คนช่วยกันกดพิมพ์พระเกือบร้อยคน มีทั้งเณร และ พระสงฆ์ ฆราวาสนุ่งขาวห่มขาว รวมทั้ง อ.แย้ม ร่วมกันกดพิมพ์พระด้วย การกดพิมพ์พระไม่ได้พิถีพิถันแต่อย่างใด บางท่านก็ใช้ก้านธูป บางท่านก็ใช้เคาะออกจากเบ้า และ บางท่านก็ใช้ไม้ไผ่เหลาให้แบนๆเพื่อจะได้สะดวกในการงัดเอาพระเครื่องออกจากบล็อก จุดนี้นี่เองจึงไม่เป็นข้อยุติว่า ใต้ฐานพระ รูจะกลม หรือ จะแบน หรือไม่มีรูก็เกิดจากการกดเบ้าแล้วเคาะออกพระจะหลุดออกจากเบ้าหากเนื้อที่กดนั้นไม่เหนียวจนเกินไป.ปาฏิหาริย์ของว่าน
108.จากคำบอกเล่าจากชาวบ้านที่ไปเสาะหาว่านมาถวายพระอาจารย์ทิม ว่า ตนเองได้หาว่านหลังจากเสร็จจากกรีดยาง (เช้า) ก็ได้ไปหาว่านโดยการนำว่านใส่กระสอบปุ๋ย จนเต็มถุงปุ๋ยจึงได้กลับ ขากลับตะวันใกล้จะตกดิน ตนเองมีความรู้สึกว่าได้เหยียบอะไรบางอย่างรู้สึกว่านิ่มๆลื่นๆพอมองดู ตกใจมาก “งู” เต็มไปหมด ตนเองได้เหยียบงู แต่แปลก งูไม่ทำร้ายกลับเลื้อยหนีไปนั่นเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของว่านนั่นเองที่ตนเองได้แบกอยู่ จึงได้นำความนี้ไปเล่าให้พระอาจารย์ทิมฟัง พระอาจารย์จึงได้บอก ญาติโยมว่า นี่แหละคือสาเหตุที่บอกญาติโยมให้เสาะหาว่านมาเพื่อที่จะนำไปสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวด ความ ศักดิ์สิทธิ์ของว่านมีอยู่แล้ว บวกกับบารมีหลวงปู่ทวดแล้วด้วย พุทธคุณ สูงสุด ต่อไปพระเครื่องชุดนี้จะมีคุณค่ามหาศาลและหายาก นี่คือคำบอกเล่าจากปากชาวบ้าน พระอาจารย์ทิม พูดย้ำอยู่ตลอด เวลาญาติโยมนำว่านมาให้ ท่านจะเสกว่าน แล้วให้ชาวบ้านนำไปตากไว้บริเวณลานวัด.ว่านบางชนิดเอาลูกไก่ไปล่อ.ชาวบ้านอีกท่านได้เล่าว่า ตนเองได้เข้าไปในป่าลึกเพื่อเสาะหาว่านต่างๆที่หายากๆสมัยนั้นก็มี ว่านสบู่เลือดตัวผู้
-ตัวเมีย ,ว่านกลิ้งกลางดง , ว่านสาวหลง , ว่านพญาว่าน, ว่านหนุมานนั่งแท่น, ว่านคางคก , ว่านนางกวัก , ว่านนกคุ้ม , และว่านอื่นอีกมากมาย แต่ที่ตื่นเต้นที่สุด คือ ไปเจอว่านชนิดหนึ่ง ลักษณะคล้ายกับ หม้อข้าว หม้อแกง(มีฝาเปิดปิดดักจับแมลง) แต่นี่เป็นรูปลักษณะคล้ายกันแต่ใหญ่กว่ามาก ความกว้างเกือบเท่าศรีษะคน พอเข้าใกล้มันจะหุบ จะถอนก็ถอนไม่ได้มันจะหุบเข้าหุบออก ด้วยความกลัวจึงไม่เอาต้นว่านต้นนี้ เลยเดินทางกลับ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องแปลกสำหรับคนเดินป่าหาของป่า ความนี้ทราบไปถึงพ่อเฒ่าท่านหนึ่งได้บอกว่า ถ้าอยากจะได้ว่านต้นนี้ต้องนำไก่เป็นๆไปหนึ่งตัวเพื่อไปล่อให้มันกิน จะได้ถอนต้นมันได้ เพราะว่าพอมันกินไก่แล้วลำต้นมันจะอ่อนคล้ายคนนอนหลับ แต่ต้องไปเอายามเช้าอย่าให้สาย ว่าแล้วชาวบ้านท่านนั้นได้ทำตามที่ท่านผู้เฒ่าบอก ตกลงว่าได้ต้นว่านนั้นมาสำเร็จแต่ ต้องแลกด้วย ชีวิตไก่ หนึ่งตัวทุกวันนี้ยังเป็นปริศนาว่า ว่านต้นนั้นเป็นว่าอะไรกันแน่ นับว่าเป็นเรื่องแปลก แต่ จริง.มวลสาร ที่นำมาผสมมี “ข้าวก้นบาตร”พระอาจารย์ทิม จะเก็บข้าวก้นบาตรไว้ทุกวัน เพื่อที่จะนำไปส่วนผสมในการทำพระเครื่องหลวงปู่ทวด โดยการนำข้าวก้นบาตรไปตากแดดบนหลังคากุฏิ เพื่อกันไก่ เข้าไปกิน.ข้าวเหนียวมาปั้นเป็นก้อนเท่ากับกำปั้น.ข้าวเหนียวในพิธีขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 คือวันไหว้ครู ที่จะจัดขึ้นเป็น ประจำของทุกปี การที่นำข้าวเหนียวที่ปั้นแล้วมาปลุกเสกนั้นเป็นพิธีกรรมโบราณซึ่งมีมานานแล้ว ผู้ที่เข้าพิธีกรรมนั้น ต้องกินข้าวเหนียว เพื่อเป็นสิริมงคล และในแง่ของคนเรียน ไสยศาสตร์ หากได้กินข้าวเหนียวในพิธีแล้วจะ อยู่ยงคงกระพัน ซึ่งข้าวเหนียวนั้นจะเป็นส่วนผสมในการสร้างหลวงปู่ทวดว่าน 2497ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะนำไปตากแดดให้แห้งแล้วนำไปบดผสมกับว่าน 108 .กล้วยป่าเป็นส่วนผสม พร้อมน้ำมันตังอิ้ว.ชาวบ้านในละแวกวัดช้างไห้ ทั้งชาวบ้านป่าไร่ เขามีความศรัทธาในวัตรปฏิบัติของพระอาจารย์ทิมเป็นอย่างมาก ซึ่งความเมตตาของพระอาจารย์ทิมนั้นล้นพ้น หากว่าพระอาจารย์ทิมบอกกล่าวไหว้วานอะไรแล้วละก็ ชาวบ้านเขาจะรีบดำเนินการให้ทันที เหมือนกับส่วนผสมพระอาจารย์ทิมได้กล่าวว่า ต้องการกล้วยป่าเป็นจำนวนมากเพื่อที่จะนำมาเป็นตัวประสาน อีกทั้ง น้ำมันตังอิ้ว และ ปูนต์ขาวเพื่อให้เนื้อรวมตัวกันและจับตัวเป็นก้อนแข็งเหมือนกับหินครกนั่นเอง ส่วนเนื้อพระบางองค์ที่ร่วนซุย เป็นเพราะว่า ส่วนผสมในแต่ละครกอาจจะแก่ว่าน ปูนต์น้อย จึงทำให้พระหลวงปู่ทวดว่านรุ่นแรก เนื้อหาสาระไม่แข็งแกร่ง ในเรื่องมวลสารของพระเครื่องหลวงปู่ทวดแต่ละองค์ไม่มีสูตรสำเร็จที่ชัดเจน ฉะนั้นพระแต่ละองค์ ความแข็ง ความแกร่งนั้นไม่เท่ากัน บางองค์แก่ดิน บางองค์แก่ว่าน บางองค์แก่ปูนต์ สำหรับมวลสารของเนื้อจะใกล้เคียงกันไม่หนีกันมากหากเนื้อกะเทาะ หรือ หักออกมาดู หากดูทุกเนื้อ และทราบดีว่า แต่ละองค์มวลสารจะไม่หนีกันเลย ในเรื่องของมวลสาร นั้นสามารถชี้ชัด นั่นต้องบวกกับพิมพ์ และ แร่ ศักดิ์สิทธิ์นั้นด้วยทุกอย่างต้องกลมกลืนกัน ไม่มีรายการกระด้าง และ ไม่มีคำว่า เนื้อถูกแร่ผิด เนื้อผิด แร่ถูก แต่ให้ยึดถึงความชัดเจน และ ความเป็นธรรมชาติ หากแยกคำว่า ธรรมชาติไม่ได้ ไม่สามารถแยกแยะความเก่าความใหม่ได้ เนื้อแห้งธรรมชาติ กับเนื้อที่ผ่านการ อบแห้ง(ไมโครเวฟ)มันต่างกันมากให้สังเกตให้ดี แต่นั่นต้องเข้าใจคำว่า แห้งธรรมชาติให้ได้ หากว่าดูแล้วก้ำกึ่ง ก็สามารถตี “เก๊” ได้เลยทันที ไม่ต้องกังวล พระแท้จริงๆ เพียงยกขึ้นมาดูรู้ว่าแท้ นั่นคือพระที่ดูง่าย หากว่าพระบางองค์ถึงขนาดส่องดูนานเป็นครึ่งชั่วโมง ไม่แนะนำให้ซื้อ เพราะว่าโอกาส “เก๊” นั้นสูงมาเลยทีเดียวมวลสารเม็ดแดงของกล้วยป่า และความแห้งเป็นเกร็ดของน้ำมันตังอิ้ว บวกกับข้าวสุกและข้าวเหนียว ผงว่านต่างๆ สองร้อยกว่าชนิด แร่ กายสิทธิ์ ยางว่านต่างๆที่เกิดขึ้นจากการ “แช่” เพื่อให้ยางว่านเกาะเพื่อให้เกิดความแข็งตัวขึ้นกว่าเก่า จะมีไม่มาก เพราะว่าเวลามันกระชั้นชิด.กำหนดสร้าง 84,000 องค์.กดพระได้เพียง 64,000 องค์.ระยะเวลาการกดพิมพ์พระใช้เวลามากน่าดู มีทั้งพระ และ ฆราวาสร่วมกันกดพิมพ์พระส่วนฆราวาสที่ร่วมกันกดพิมพ์พระก็จะต้องนุ่งขาวห่มขาว ถือศีลด้วย ท่านอาจารย์แย้ม พุฒยอด ศิษย์เอกพระอาจารย์ทิม ได้เล่าต่อไปว่า การจัดสร้างทั้งมวลสาร และพิมพ์พระไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์อะไร การผสมเนื้อก็เช่นกัน จะใช้ “ครกตำข้าว” แบบสมัยก่อนถือว่าทันสมัยที่สุดแล้ว ชาวบ้านก็มีความชำนาญ บวกกับความศรัทธาในองค์หลวงปู่ทวด และ วัตรปฏิบัติของพระอาจารย์ทิม การร่วมแรงกายและแรงใจจึงเป็นส่วนผลักดันทำให้พระเครื่องชุดหลวงปู่ทวดว่านรุ่นแรก พ.ศ.2497 นั้นมีความเข้มขลังสุดกำลัง เพราะว่าไม่มีเรื่องผลประโยชน์อะไรแต่อย่างใด เป็นความศรัทธา ใสสะอาดบริสุทธิ์มาก ๆ เลยทีเดียวเรื่องเงินทองไม่ต้องพูดถึงเพราะว่าชาวบ้าน ทุ่มทั้งแรงกาย แรงใจ และ แรงเงิน ร่วมสมทบในทุกๆเรื่องจึงไม่แปลกใจ ว่าทำไมพระเครื่องหลวงปู่ทวดว่านรุ่นแรกวัดช้างไห้ ถึงมีความขลังแบบสุดๆ ประสบการณ์มากมายเหลือคณานัป. การกดพิมพ์พระ พอใกล้วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 การกดพิมพ์พระได้เพียง “หกหมื่นกว่าองค์” ซึ่งพระอาจารย์ทิม ได้มองดูแล้วคงไม่ถึง 84,000 องค์. พระอาจารย์ทิมได้บอกกับ อ.แย้ม ว่า “เจ้าแย้มให้ทุกคนช่วยกันกดพิมพ์พระให้ได้ถึง 64,000 องค์ ก็แล้วกัน และ ให้ไปตระเตรียมข้าวของต่างที่จะจัดพิธีปลุกเศกหลวงปู่ทวด ในวัน ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 พ.ศ.
2497.” ซึ่งหน้าที่ตรงนี้เป็นหน้าที่ที่ท่าน อ.แย้ม ดำเนินการในเรื่องการตระเตรียมข้าวของที่จะทำพิธีปลุกเศกหลวงปู่ทวดว่านรุ่นแรก พ.ศ.
2497. ท่าน อ.แย้ม กล่าวอีกต่อไปว่า ท่าน อาจารย์ทิม มักจะพูดเปรยๆว่า ชุดว่านรุ่นแรกนี้ ต่อไปจะมี “คุณค่ายิ่งกว่าทองคำ” นี่คือคำบอกกล่าวของท่าน อ.แย้ม.พิธีปลุกเศกหลวงปู่ทวด “ประทับทรงพระอาจารย์ทิม”ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 พิธีปลุกเศกหลวงปู่ทวดว่านรุ่นแรก วัดช้างไห้ ได้จัดขึ้นภายในพระอุโบสถ วัดช้างไห้ ในขณะที่กำลังทำพิธีปลุกเศกอยู่นั้น ได้เกิดสิ่ง มหัศจรรย์ขึ้น “ร่างกายพระอาจารย์ทิม เกิดอาการสั่นสะท้าน แรงขึ้น และ แรงขึ้น จนกระทั่ง ร่างกายพระอาจารย์ทิมหลังค่อมแบบคนแก่มาก ๆ หน้าแทบจะจรดพื้น” ท่านอาจารย์แย้มได้เล่าให้ฟังต่อไปว่า เสียงของพระอาจารย์เปลี่ยนเป็นเสียงคนแก่มาก ในขณะที่กำลังสวดมนต์อยู่ไม่ขาดสาย เสียงสวดมนต์ไม่มีการขาดช่วงแต่อย่างใด ที่ชัดเจนเสียงสวดมนต์ของคนแก่ ซึ่งไม่ใช่เป็นเสียงของพระอาจารย์ทิมอย่างแน่นอน ท่าน อ.แย้ม ท่านยืนยัน.มีหลวงพ่อศรีสุข สัจจะวาโร.หนึ่งในเกจิอาจารย์ร่วมปลุกเศกพระเกจิอาจารย์ที่ร่วมในพิธีปลุกเศก เท่าที่ทราบ
1.หลวงพ่อศรีสุข สัจจะวาโร.แห่งวัดน้ำน้อยใน จ.สงขลา.
2.หลวงพ่อพรหม วัดน้ำขาวใน จ.สงขลา.
3.หลวงพ่อทอง สำนักสงฆ์ป่ากอ อ.นาหม่อม จ.สงขลา.
4.หลวงพ่อแดง วัดศรีมหาโพธิ์ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี.
5.หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขันธ์ จ.นครศรีธรรมราช.
6.พระครูภัทรกรณ์โกวิท(ท่านเจ้าคุณแดง ธัมมะโชโต)อดีตเจ้าอาวาสวัดนาประดู่.
7.พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว.พระเกจิอาจารย์ที่ร่วมในพิธีปลุกเศกนั้น และยังมีอีกหลายท่านที่ยังไม่ได้เอ่ยถึงพิมพ์พระเครื่องพอจะจำแนกได้ตามหลักสากล มี 3 พิมพ์.๑) พิมพ์ใหญ่๒)พิมพ์กลาง๓)พิมพ์เล็กหากจำแนกพิมพ์แยกละเอียด จะมีร่วม 20 พิมพ์ แต่ในที่นี้ขอแยกพิมพ์จุดใหญ่ คือ 3 พิมพ์ ส่วนพิมพ์พิเศษ มีหลายพิมพ์ เช่น...๑) พิมพ์สี่เหลี่ยมกลักไม้ขีด จำนวนการสร้าง 20 กว่าองค์(ปัจจุบันหาองค์จริงนั้นยากกว่าทุกๆพิมพ์)๒) พิมพ์ขุนแผน๓) พิมพ์พระประจำวัน๔) พิมพ์ชินราช๕) พิมพ์พระปิดตาการจัดสร้างเนื้อว่านนั้น ปี 2497 นั้น พิมพ์พิเศษ อาจจะมีมากกว่านี้ก็เป็นได้ แต่ ให้ยึดหลัก เนื้อจะต้องแบบเดียวกับ ว่านพิมพ์มาตรฐาน 3 พิมพ์ หากเนื้อไม่ตรงกัน ถือว่าเป็นข้อยุติ คือไม่ใช่แน่นอน ที่ได้เขียนมานี้ ไม่ต้องการให้ทุกท่าน ใฝ่หา หรือ เสาะหา ชุดว่าน 2497 นอกพิมพ์นะ อยู่ที่ ดุลยพินิจของแต่ละท่าน ประวัติการสร้างอาจจะละเอียดมากกว่านี้ เป็นคำบอกเล่า จาก ท่านอาจารย์แย้ม พุฒยอด. อานิสงค์ของการให้ความรู้ในครั้งนี้นั้นขอ อุทิศให้ คุณครูบาอาจารย์ทุกท่าน และ ผู้ที่มีพระคุณ ขอให้ได้รับอานิสงค์ผลบุญในครั้งนี้ด้วย เทอญ...
-๑๔ ได้เขียนถึงการสร้างพระหลวงปู่ทวดไว้ว่า ท่านพระครูได้ปรึกษาหารือกับท่านนอง ธมฺมภูโต ตืด พระธรรมกิจโกศล เจ้าอาวาสวัดทรายขาวองค์ปัจจุบัน (ขณะนั้นยังมีชีวิตอยู่) ต่างก็เห็นชอบด้วย และในเวลาเดียวกัน นายอนันต์ คณานุรักษ์ คหบดีตลาดปัตตานีซึ่งสนใจเรื่องนี้อยู่แล้ว ขอระรับภารให้การอุปถัมภ์ในการสร้างพระเครื่องนี้ทั้งหมดเกี่ยวกับทุนดำเนินงาน พระครูธรรมกิจโกศลพร้อมด้วยพระเณรวัดนาดู วัดทรายขาว และวัดช้างให้ รับภาระในการจัดหาว่านชนิดต่างๆ เท่าที่ต้องการมาให้วันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ.๒๔๙๗ ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๔ ปีมะเมีย จ.ศ.๑๓๑๖ เวลาเที่ยงตรงเป็นเวลาท่านพระครูกดพระเครื่องเข้าเบ้าพิมพ์และลงมือทำพระเครื่องไปโดยลำดับ พระครูธรรมกิจโกศล (นอง ธมฺมภูโต) เป็นผู้หนึ่งที่ประจำโรงพิธีร่วมกับท่านอาจารย์ทิม คือ พระครูวิสัยโสภณตลอดไปนอกจากนี้พระเณรที่วัดต่างก็ช่วยกันกดพิมพ์พระเครื่องตามที่ท่านพระครูสั่งให้ทำจนถึงวันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๗ ได้พระเครื่อง ๖๔,๐๐๐ องค์ แต่จะพิมพ์ให้ได้ ๘๔,๐๐๐ องค์ แต่เวลาไม่พอด้วยว่าจะทำการปลุกเสกในวันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๗ วันอาทิตย์เพ็ญเดือน ๕ เวลาเที่ยงเมื่อได้ฤกษ์ตามที่ท่านกำหนดไว้ท่านพระครูเข้านั่งประจำที่ประกอบพิธีปลุกเสกองค์เดียวจนถึงเวลา ๑๖.๐๐ น. ของวันเดียวกันนั้น ต่อจากนั้นท่านก็มอบพระเครื่องให้แก่ผู้ที่เคารพนับถือคนละหนึ่งองค์ เป็นที่น่าสังเกตว่า การประกอบพิธีปลุกเสกพระเครื่องหลวงพ่อทวด ท่านพระครูประกอบพิธีปลุกเสกเพียงองค์เดียวเท่านั้นเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่ท่านสร้างพระเครื่อง พระเครื่องหลวงปู่ทวดมีชื่อเสียงดังไปทั่วประเทศ เข้าใจว่าทั้งนี้เนื่องจากท่านผู้ปลุกเสกมีพลังจิตสูงมีเมตตาสูง และผู้สร้างมิได้มีจิตคิดหาลาภผลทางวัตถุแต่อย่างใด ตั้งใจจะเป็นเครื่องสักการบูชาของผู้ที่เคารพนับถือท่านอาจารย์ทิม หรือท่านพระครูวิสัยโสภณ ปลุกหลวงพ่อทวดให้ตื่นขึ้นในระยะเวลา ๒๐ ปีมานี้ ทำให้ผู้คนรู้จักวัดช้างให้ รู้จักพระเครื่องหลวงพ่อทวด จ.ปัตตานี ซึ่งจะมีเซียนพระสายหลวงปู่ทวดสักกี่คนที่เคยได้อ่าน “หนังสือประวัติพระราชทานเพลิงศพพระครูวิสัยโสภณ (ทิม ธมฺมธโร) ที่เรียบเรียงโดย พระโศภนธรรมคุณ วัดนาประดู่” ส่วนใหญ่จะเป็นไปในลักษณะที่ “ดูพระเป็นแต่ไม่รู้ประวัติศาสตร์การสร้างที่ชัดเจน”ในกรณีการจัดสร้างพระหลวงปู่ทวดเนื้อทองคำมีข้อถกเถียงในวงการพระเครื่องมาตลอด แต่ข้อถกเถียงมาสิ้นสุดที่คำกล่าวของ “หลวงอำนวย” หรือ “พระอำนวย นนทิโย” พระลูกศิษย์ใกล้ชิดพระครูวิสัยโสภณ หรือพระอาจารย์ทิม ธัมมโร แห่งวัดช้างให้ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ซึ่งเคยติดตามอาจารย์ทิมตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งปัจจุบันได้ลาสิกขาเป็นฆราวาส ที่ว่า“มีการสร้างพระหลวงปู่ทวดทองคำเอาไว้จำนวนหนึ่งจริง ตนเห็นกับตา พระเครื่องทองคำส่วนหนึ่งที่จัดสร้างขึ้นก็เพื่อมอบให้คหบดี ผู้มีชื่อเสียง ข้าราชการระดับสูงและเศรษฐีที่บริจาคปัจจัยจำนวนมาก เพื่อตอบแทนน้ำใจที่มีส่วนช่วยบูรณะวัดช้างให้เป็นกรณีพิเศษ จะเรียกว่าพระเครื่องหลวงปู่ทวดที่เป็นทองคำนั้นมอบให้เฉพาะเจาะจงแก่บุคคลสำคัญๆ ก็ว่าได้”พระอาจารย์ทิม ธัมมโร ได้สร้างสุดยอดแห่งรูปเคารพพระเครื่องหลวงปู่ทวดจากภาพนิมิตร ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๗ อันลือลั่น ตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้สาธุชนทั้งชาวไทยและต่างประเทศยังไม่ลดละความพยายามพากันเสาะแสวงหาเพื่อบูชาติดตัวพร้อมอาราธนาบทพุทธคุณ “นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภควา” เพื่อให้แคล้วคลาดจากภยันตรายและเจริญด้วยสิริสวัสดิ์ทั้งหลายทั้งปวงเมื่อเอ่ย ถึงประวัติในการสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวดว่านรุ่นแรก พ.ศ.2497 จ.ปัตตานี. มีหลายๆท่านอาจจะได้รับทราบข้อมูลมามากมาย จากสื่อนิตยสาร รวมเล่ม จากประวัติที่ได้ฟังเขาเล่าขานกันมา เรื่องราวการจัดสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวด ว่านรุ่นแรกนั้น ยังมีอีกหลายท่านที่ยังไม่ทราบความเป็นจริงว่าพระเครื่องหลวงปู่ทวดว่าน 2497 นั้น ว่านที่นำมาเป็นส่วนผสมนั้น มีทั้งหมด 200 กว่าชนิด คำว่า 108 มิใช่ว่าน 108 ชนิด แต่เป็นเรื่องพุทธคุณที่มีถึง 108 คำว่า 108 ก็คือ “ได้ทุกสิ่งอะไรก็ได้ศักดิ์สิทธิ์”คำว่าศักดิ์สิทธิ์ เป็นคำพูดที่ครอบ จักรวาล นั่นเองคนเขามักจะนิยมเอามาพูดกัน.พูด ถึงว่านต่างๆที่พระอาจารย์ทิมได้บอกกล่าวให้ ชาวบ้านแถบป่าไร่ ข้างวัดช้างไห้เวลาไปกรีดยาง ขากลับให้นำว่านมาทิ้งไว้ตรงบริเวณลานวัดเพื่อทำการตากแห้ง.คำบอกเล่าจากปาก อ.แย้ม พุฒยอด.อาจารย์แย้ม พุฒยอด. หรือที่ท่านอาจารย์ทิม จะเรียกว่า เจ้าแย้ม นั้นเป็นศิษย์เอก ของพระอาจารย์ทิม พื้นเพเดิม อ.แย้ม อยู่เยื้องๆกับวัดช้างไห้ มีบ้านและสวนยางอยู่ในละแวกนั้น ซึ่งจัดได้ว่า อ.แย้ม เป็นผู้มีฐานะคนหนึ่ง อีกทั้งยังได้รับการถ่ายทอด วิชาอาคม จากพระอาจารย์ทิม ในเรื่องของการ สักยันต์นั่นเอง. ท่านอาจารย์แย้ม ได้เล่าให้ฟังว่า ท่านอาจารย์ทิมท่านเป็นพระอาจารย์ที่น่ารักมาก มีจิต เมตตาต่อชาวบ้าน ไม่ว่าพระอาจารย์ทิม จะขอความช่วยเหลืออะไร ชาวบ้านจะยื่นมือเข้ามาช่วยทันทีเหมือนอย่างกับการที่พระอาจารย์ทิม ได้ดำริ ว่าจะสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวดว่าน 108 ชาวบ้านที่ทราบต่างก็เสาะหาว่านมาให้กับพระอาจารย์ทิมทันที.จากคำ บอกเล่าของท่านอาจารย์แย้ม พุฒยอด.ว่า เรื่องการจัดสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวดว่านรุ่นแรกนั้น เกิดจาก คุณอนันต์ คณานุรักษ์. ท่านนิมิตย์ถึงหลวงปู่ทวด ให้มีการจัดสร้างพระเครื่องขึ้น ซึ่งพระอาจารย์ทิม ท่านให้ คุณอนันต์เป็นผู้ดำเนินการจัดทำบล็อก ทั้งหมด.บล็อกพระเป็นบล็อกครั่งพูดถึงบล็อกพระเครื่องหลวงปู่ทวด ครั้งแรกเป็นโลหะ แล้ว นำครั่งพุทรามาเททำบล็อกจึงไม่เป็นที่น่าแปลกที่จะเจอบล็อกแท้ๆของพระเครื่องหลวงปู่ทวดที่เป็นครั่งจะมีการหดตัวสูงหากเปรียบกับกาลเวลาที่ได้จัดทำมาถึง “ห้าสิบกว่าปี” มาแล้ว ตั้งแต่ ปี พ.ศ.
2497. มาจนถึงวันนี้บล็อกครั่ง ร่วม 100 บล็อก.อ.แย้ม ได้เล่าต่อไปว่า คุณอนันต์ได้จัดทำบล็อกขึ้น เกือบ 100 บล็อก.ใช้คนช่วยกันกดพิมพ์พระเกือบร้อยคน มีทั้งเณร และ พระสงฆ์ ฆราวาสนุ่งขาวห่มขาว รวมทั้ง อ.แย้ม ร่วมกันกดพิมพ์พระด้วย การกดพิมพ์พระไม่ได้พิถีพิถันแต่อย่างใด บางท่านก็ใช้ก้านธูป บางท่านก็ใช้เคาะออกจากเบ้า และ บางท่านก็ใช้ไม้ไผ่เหลาให้แบนๆเพื่อจะได้สะดวกในการงัดเอาพระเครื่องออกจากบล็อก จุดนี้นี่เองจึงไม่เป็นข้อยุติว่า ใต้ฐานพระ รูจะกลม หรือ จะแบน หรือไม่มีรูก็เกิดจากการกดเบ้าแล้วเคาะออกพระจะหลุดออกจากเบ้าหากเนื้อที่กดนั้นไม่เหนียวจนเกินไป.ปาฏิหาริย์ของว่าน
108.จากคำบอกเล่าจากชาวบ้านที่ไปเสาะหาว่านมาถวายพระอาจารย์ทิม ว่า ตนเองได้หาว่านหลังจากเสร็จจากกรีดยาง (เช้า) ก็ได้ไปหาว่านโดยการนำว่านใส่กระสอบปุ๋ย จนเต็มถุงปุ๋ยจึงได้กลับ ขากลับตะวันใกล้จะตกดิน ตนเองมีความรู้สึกว่าได้เหยียบอะไรบางอย่างรู้สึกว่านิ่มๆลื่นๆพอมองดู ตกใจมาก “งู” เต็มไปหมด ตนเองได้เหยียบงู แต่แปลก งูไม่ทำร้ายกลับเลื้อยหนีไปนั่นเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของว่านนั่นเองที่ตนเองได้แบกอยู่ จึงได้นำความนี้ไปเล่าให้พระอาจารย์ทิมฟัง พระอาจารย์จึงได้บอก ญาติโยมว่า นี่แหละคือสาเหตุที่บอกญาติโยมให้เสาะหาว่านมาเพื่อที่จะนำไปสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวด ความ ศักดิ์สิทธิ์ของว่านมีอยู่แล้ว บวกกับบารมีหลวงปู่ทวดแล้วด้วย พุทธคุณ สูงสุด ต่อไปพระเครื่องชุดนี้จะมีคุณค่ามหาศาลและหายาก นี่คือคำบอกเล่าจากปากชาวบ้าน พระอาจารย์ทิม พูดย้ำอยู่ตลอด เวลาญาติโยมนำว่านมาให้ ท่านจะเสกว่าน แล้วให้ชาวบ้านนำไปตากไว้บริเวณลานวัด.ว่านบางชนิดเอาลูกไก่ไปล่อ.ชาวบ้านอีกท่านได้เล่าว่า ตนเองได้เข้าไปในป่าลึกเพื่อเสาะหาว่านต่างๆที่หายากๆสมัยนั้นก็มี ว่านสบู่เลือดตัวผู้
-ตัวเมีย ,ว่านกลิ้งกลางดง , ว่านสาวหลง , ว่านพญาว่าน, ว่านหนุมานนั่งแท่น, ว่านคางคก , ว่านนางกวัก , ว่านนกคุ้ม , และว่านอื่นอีกมากมาย แต่ที่ตื่นเต้นที่สุด คือ ไปเจอว่านชนิดหนึ่ง ลักษณะคล้ายกับ หม้อข้าว หม้อแกง(มีฝาเปิดปิดดักจับแมลง) แต่นี่เป็นรูปลักษณะคล้ายกันแต่ใหญ่กว่ามาก ความกว้างเกือบเท่าศรีษะคน พอเข้าใกล้มันจะหุบ จะถอนก็ถอนไม่ได้มันจะหุบเข้าหุบออก ด้วยความกลัวจึงไม่เอาต้นว่านต้นนี้ เลยเดินทางกลับ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องแปลกสำหรับคนเดินป่าหาของป่า ความนี้ทราบไปถึงพ่อเฒ่าท่านหนึ่งได้บอกว่า ถ้าอยากจะได้ว่านต้นนี้ต้องนำไก่เป็นๆไปหนึ่งตัวเพื่อไปล่อให้มันกิน จะได้ถอนต้นมันได้ เพราะว่าพอมันกินไก่แล้วลำต้นมันจะอ่อนคล้ายคนนอนหลับ แต่ต้องไปเอายามเช้าอย่าให้สาย ว่าแล้วชาวบ้านท่านนั้นได้ทำตามที่ท่านผู้เฒ่าบอก ตกลงว่าได้ต้นว่านนั้นมาสำเร็จแต่ ต้องแลกด้วย ชีวิตไก่ หนึ่งตัวทุกวันนี้ยังเป็นปริศนาว่า ว่านต้นนั้นเป็นว่าอะไรกันแน่ นับว่าเป็นเรื่องแปลก แต่ จริง.มวลสาร ที่นำมาผสมมี “ข้าวก้นบาตร”พระอาจารย์ทิม จะเก็บข้าวก้นบาตรไว้ทุกวัน เพื่อที่จะนำไปส่วนผสมในการทำพระเครื่องหลวงปู่ทวด โดยการนำข้าวก้นบาตรไปตากแดดบนหลังคากุฏิ เพื่อกันไก่ เข้าไปกิน.ข้าวเหนียวมาปั้นเป็นก้อนเท่ากับกำปั้น.ข้าวเหนียวในพิธีขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 คือวันไหว้ครู ที่จะจัดขึ้นเป็น ประจำของทุกปี การที่นำข้าวเหนียวที่ปั้นแล้วมาปลุกเสกนั้นเป็นพิธีกรรมโบราณซึ่งมีมานานแล้ว ผู้ที่เข้าพิธีกรรมนั้น ต้องกินข้าวเหนียว เพื่อเป็นสิริมงคล และในแง่ของคนเรียน ไสยศาสตร์ หากได้กินข้าวเหนียวในพิธีแล้วจะ อยู่ยงคงกระพัน ซึ่งข้าวเหนียวนั้นจะเป็นส่วนผสมในการสร้างหลวงปู่ทวดว่าน 2497ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะนำไปตากแดดให้แห้งแล้วนำไปบดผสมกับว่าน 108 .กล้วยป่าเป็นส่วนผสม พร้อมน้ำมันตังอิ้ว.ชาวบ้านในละแวกวัดช้างไห้ ทั้งชาวบ้านป่าไร่ เขามีความศรัทธาในวัตรปฏิบัติของพระอาจารย์ทิมเป็นอย่างมาก ซึ่งความเมตตาของพระอาจารย์ทิมนั้นล้นพ้น หากว่าพระอาจารย์ทิมบอกกล่าวไหว้วานอะไรแล้วละก็ ชาวบ้านเขาจะรีบดำเนินการให้ทันที เหมือนกับส่วนผสมพระอาจารย์ทิมได้กล่าวว่า ต้องการกล้วยป่าเป็นจำนวนมากเพื่อที่จะนำมาเป็นตัวประสาน อีกทั้ง น้ำมันตังอิ้ว และ ปูนต์ขาวเพื่อให้เนื้อรวมตัวกันและจับตัวเป็นก้อนแข็งเหมือนกับหินครกนั่นเอง ส่วนเนื้อพระบางองค์ที่ร่วนซุย เป็นเพราะว่า ส่วนผสมในแต่ละครกอาจจะแก่ว่าน ปูนต์น้อย จึงทำให้พระหลวงปู่ทวดว่านรุ่นแรก เนื้อหาสาระไม่แข็งแกร่ง ในเรื่องมวลสารของพระเครื่องหลวงปู่ทวดแต่ละองค์ไม่มีสูตรสำเร็จที่ชัดเจน ฉะนั้นพระแต่ละองค์ ความแข็ง ความแกร่งนั้นไม่เท่ากัน บางองค์แก่ดิน บางองค์แก่ว่าน บางองค์แก่ปูนต์ สำหรับมวลสารของเนื้อจะใกล้เคียงกันไม่หนีกันมากหากเนื้อกะเทาะ หรือ หักออกมาดู หากดูทุกเนื้อ และทราบดีว่า แต่ละองค์มวลสารจะไม่หนีกันเลย ในเรื่องของมวลสาร นั้นสามารถชี้ชัด นั่นต้องบวกกับพิมพ์ และ แร่ ศักดิ์สิทธิ์นั้นด้วยทุกอย่างต้องกลมกลืนกัน ไม่มีรายการกระด้าง และ ไม่มีคำว่า เนื้อถูกแร่ผิด เนื้อผิด แร่ถูก แต่ให้ยึดถึงความชัดเจน และ ความเป็นธรรมชาติ หากแยกคำว่า ธรรมชาติไม่ได้ ไม่สามารถแยกแยะความเก่าความใหม่ได้ เนื้อแห้งธรรมชาติ กับเนื้อที่ผ่านการ อบแห้ง(ไมโครเวฟ)มันต่างกันมากให้สังเกตให้ดี แต่นั่นต้องเข้าใจคำว่า แห้งธรรมชาติให้ได้ หากว่าดูแล้วก้ำกึ่ง ก็สามารถตี “เก๊” ได้เลยทันที ไม่ต้องกังวล พระแท้จริงๆ เพียงยกขึ้นมาดูรู้ว่าแท้ นั่นคือพระที่ดูง่าย หากว่าพระบางองค์ถึงขนาดส่องดูนานเป็นครึ่งชั่วโมง ไม่แนะนำให้ซื้อ เพราะว่าโอกาส “เก๊” นั้นสูงมาเลยทีเดียวมวลสารเม็ดแดงของกล้วยป่า และความแห้งเป็นเกร็ดของน้ำมันตังอิ้ว บวกกับข้าวสุกและข้าวเหนียว ผงว่านต่างๆ สองร้อยกว่าชนิด แร่ กายสิทธิ์ ยางว่านต่างๆที่เกิดขึ้นจากการ “แช่” เพื่อให้ยางว่านเกาะเพื่อให้เกิดความแข็งตัวขึ้นกว่าเก่า จะมีไม่มาก เพราะว่าเวลามันกระชั้นชิด.กำหนดสร้าง 84,000 องค์.กดพระได้เพียง 64,000 องค์.ระยะเวลาการกดพิมพ์พระใช้เวลามากน่าดู มีทั้งพระ และ ฆราวาสร่วมกันกดพิมพ์พระส่วนฆราวาสที่ร่วมกันกดพิมพ์พระก็จะต้องนุ่งขาวห่มขาว ถือศีลด้วย ท่านอาจารย์แย้ม พุฒยอด ศิษย์เอกพระอาจารย์ทิม ได้เล่าต่อไปว่า การจัดสร้างทั้งมวลสาร และพิมพ์พระไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์อะไร การผสมเนื้อก็เช่นกัน จะใช้ “ครกตำข้าว” แบบสมัยก่อนถือว่าทันสมัยที่สุดแล้ว ชาวบ้านก็มีความชำนาญ บวกกับความศรัทธาในองค์หลวงปู่ทวด และ วัตรปฏิบัติของพระอาจารย์ทิม การร่วมแรงกายและแรงใจจึงเป็นส่วนผลักดันทำให้พระเครื่องชุดหลวงปู่ทวดว่านรุ่นแรก พ.ศ.2497 นั้นมีความเข้มขลังสุดกำลัง เพราะว่าไม่มีเรื่องผลประโยชน์อะไรแต่อย่างใด เป็นความศรัทธา ใสสะอาดบริสุทธิ์มาก ๆ เลยทีเดียวเรื่องเงินทองไม่ต้องพูดถึงเพราะว่าชาวบ้าน ทุ่มทั้งแรงกาย แรงใจ และ แรงเงิน ร่วมสมทบในทุกๆเรื่องจึงไม่แปลกใจ ว่าทำไมพระเครื่องหลวงปู่ทวดว่านรุ่นแรกวัดช้างไห้ ถึงมีความขลังแบบสุดๆ ประสบการณ์มากมายเหลือคณานัป. การกดพิมพ์พระ พอใกล้วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 การกดพิมพ์พระได้เพียง “หกหมื่นกว่าองค์” ซึ่งพระอาจารย์ทิม ได้มองดูแล้วคงไม่ถึง 84,000 องค์. พระอาจารย์ทิมได้บอกกับ อ.แย้ม ว่า “เจ้าแย้มให้ทุกคนช่วยกันกดพิมพ์พระให้ได้ถึง 64,000 องค์ ก็แล้วกัน และ ให้ไปตระเตรียมข้าวของต่างที่จะจัดพิธีปลุกเศกหลวงปู่ทวด ในวัน ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 พ.ศ.
2497.” ซึ่งหน้าที่ตรงนี้เป็นหน้าที่ที่ท่าน อ.แย้ม ดำเนินการในเรื่องการตระเตรียมข้าวของที่จะทำพิธีปลุกเศกหลวงปู่ทวดว่านรุ่นแรก พ.ศ.
2497. ท่าน อ.แย้ม กล่าวอีกต่อไปว่า ท่าน อาจารย์ทิม มักจะพูดเปรยๆว่า ชุดว่านรุ่นแรกนี้ ต่อไปจะมี “คุณค่ายิ่งกว่าทองคำ” นี่คือคำบอกกล่าวของท่าน อ.แย้ม.พิธีปลุกเศกหลวงปู่ทวด “ประทับทรงพระอาจารย์ทิม”ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 พิธีปลุกเศกหลวงปู่ทวดว่านรุ่นแรก วัดช้างไห้ ได้จัดขึ้นภายในพระอุโบสถ วัดช้างไห้ ในขณะที่กำลังทำพิธีปลุกเศกอยู่นั้น ได้เกิดสิ่ง มหัศจรรย์ขึ้น “ร่างกายพระอาจารย์ทิม เกิดอาการสั่นสะท้าน แรงขึ้น และ แรงขึ้น จนกระทั่ง ร่างกายพระอาจารย์ทิมหลังค่อมแบบคนแก่มาก ๆ หน้าแทบจะจรดพื้น” ท่านอาจารย์แย้มได้เล่าให้ฟังต่อไปว่า เสียงของพระอาจารย์เปลี่ยนเป็นเสียงคนแก่มาก ในขณะที่กำลังสวดมนต์อยู่ไม่ขาดสาย เสียงสวดมนต์ไม่มีการขาดช่วงแต่อย่างใด ที่ชัดเจนเสียงสวดมนต์ของคนแก่ ซึ่งไม่ใช่เป็นเสียงของพระอาจารย์ทิมอย่างแน่นอน ท่าน อ.แย้ม ท่านยืนยัน.มีหลวงพ่อศรีสุข สัจจะวาโร.หนึ่งในเกจิอาจารย์ร่วมปลุกเศกพระเกจิอาจารย์ที่ร่วมในพิธีปลุกเศก เท่าที่ทราบ
1.หลวงพ่อศรีสุข สัจจะวาโร.แห่งวัดน้ำน้อยใน จ.สงขลา.
2.หลวงพ่อพรหม วัดน้ำขาวใน จ.สงขลา.
3.หลวงพ่อทอง สำนักสงฆ์ป่ากอ อ.นาหม่อม จ.สงขลา.
4.หลวงพ่อแดง วัดศรีมหาโพธิ์ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี.
5.หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขันธ์ จ.นครศรีธรรมราช.
6.พระครูภัทรกรณ์โกวิท(ท่านเจ้าคุณแดง ธัมมะโชโต)อดีตเจ้าอาวาสวัดนาประดู่.
7.พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว.พระเกจิอาจารย์ที่ร่วมในพิธีปลุกเศกนั้น และยังมีอีกหลายท่านที่ยังไม่ได้เอ่ยถึงพิมพ์พระเครื่องพอจะจำแนกได้ตามหลักสากล มี 3 พิมพ์.๑) พิมพ์ใหญ่๒)พิมพ์กลาง๓)พิมพ์เล็กหากจำแนกพิมพ์แยกละเอียด จะมีร่วม 20 พิมพ์ แต่ในที่นี้ขอแยกพิมพ์จุดใหญ่ คือ 3 พิมพ์ ส่วนพิมพ์พิเศษ มีหลายพิมพ์ เช่น...๑) พิมพ์สี่เหลี่ยมกลักไม้ขีด จำนวนการสร้าง 20 กว่าองค์(ปัจจุบันหาองค์จริงนั้นยากกว่าทุกๆพิมพ์)๒) พิมพ์ขุนแผน๓) พิมพ์พระประจำวัน๔) พิมพ์ชินราช๕) พิมพ์พระปิดตาการจัดสร้างเนื้อว่านนั้น ปี 2497 นั้น พิมพ์พิเศษ อาจจะมีมากกว่านี้ก็เป็นได้ แต่ ให้ยึดหลัก เนื้อจะต้องแบบเดียวกับ ว่านพิมพ์มาตรฐาน 3 พิมพ์ หากเนื้อไม่ตรงกัน ถือว่าเป็นข้อยุติ คือไม่ใช่แน่นอน ที่ได้เขียนมานี้ ไม่ต้องการให้ทุกท่าน ใฝ่หา หรือ เสาะหา ชุดว่าน 2497 นอกพิมพ์นะ อยู่ที่ ดุลยพินิจของแต่ละท่าน ประวัติการสร้างอาจจะละเอียดมากกว่านี้ เป็นคำบอกเล่า จาก ท่านอาจารย์แย้ม พุฒยอด. อานิสงค์ของการให้ความรู้ในครั้งนี้นั้นขอ อุทิศให้ คุณครูบาอาจารย์ทุกท่าน และ ผู้ที่มีพระคุณ ขอให้ได้รับอานิสงค์ผลบุญในครั้งนี้ด้วย เทอญ...