NIS ลูกปืนดุมล้อหลัง MAZDA 2 (2008-2012) (DE DJ) FORD FIESTA /08-12 (ABS) (4 สกรู) WHELL HUB REAR BEARING
คุณสมบัติเด่น / รายละเอียดสินค้า:
FORD FIESTA /08
-12 (ABS) ดุมล้อหลัง(ลูกปืนล้อหลัง) มาสด้า 2 MAZDA 2 (ABS) ปี 2009
-2012 4 สกรู (1 ตัว) / WHELL HUB REAR BEARING FORD FIESTA /08
-12 (ABS) ลูกปืนคือหนึ่งในส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของเครื่องจักรและถูกใช้งานอย่างหลากหลาย แรงกดและการขับเคลื่อนถูกส่งผ่านเม็ดลูกปืน (rolling elements) ที่วิ่งอยู่บนรางลูกปืน (raceways) การทำงานของแบริ่งลูกปืนจะมีประสิทธิภาพสูงหากพื้นผิวโลหะไม่มีการเสียดสีกัน แต่หากมีการสัมผัสกันโดยตรงจะส่งผลให้เกิดแรงเสียดทานที่ไม่พึงประสงค์และก่อให้เกิดการสึกหรอและความเสียหายตามมา ซึ่งอาจทำให้แบริ่งเกิดการติดขัดจนทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ ลูกปืนล้อรถแตก วิธีการตรวจเช็คอาการ
1.ฟังเสียง ถ้าลูกปืนล้อรถยนต์เราแตก ในขณะที่เราขับรถเราจะสามารถสังเกตได้โดยการฟังเสียง ยิ่งในขณะทำความเร็วสูงๆจะมีเสียงหอน ครืดๆ เหมือนเหล็กฝืดๆ ถ้าลักษณะนี้เกิดขึ้นหลังจากที่รถของเราขับมาเกินแสนโลแล้ว ให้ทำการเช็คลูกปืนทันทีครับ
2.เช็คโดยการโยกล้อ การเช็คลักษณะนี้เราจะต้องมีอุปกรณ์อย่างน้อยคือแม่แรงยกรถ(เช็คให้มั่นใจว่ารถจะไม่หล่นจากแม่แรงมาทับมือเรา) เมื่อยกรถขึ้นระดับหนึ่งแล้วจนล้อรถยนต์ของเราลอยขึ้นจากพื้น ให้เราทำการโยกล้อที่ตำแหน่ง 9 และ 15 นาฬิกา(ซ้ายขวา) เพื่อฟังเสียงลูกปืนล้อรถ หลังจากนั้นเราลองมาโยกที่ตำแหน่ง 12 และ 18 นาฬิกา(บนล่าง) เพื่อดูว่าเสียงแตกต่างจากเดิมไหม ถ้าได้ยินเสียงค่อกๆแค่กๆผิดปกติ สันนิจฐานได้ว่าลูกปืนล้อรถอาจจะแตก แต่จุดนี้ต้องอาศัยความชำนาญเพราะอาการทีเกิดจากลูกปืนล้อรถและลูกหมากจะไม่เหมือนกัน
3.การหมุนล้อ หลังจากที่เราได้ทำการยกรถและโยกล้อมาแล้ว คราวนี้ให้เราลองหมุนล้อดู ถ้าเกิดราบเรียบไม่มีเสียงแสดงว่าลูกปืนอาจจะยังไม่แตก แต่ถ้าลูกปืนแตกเราจะได้ยินเสียงฝืดๆเหมือนเหล็กลูกปืนล้อรถกำลังบดกัน ครืดๆๆ แบบนี้ยิ่งทำให้มั่นใจว่าลูกปืนล้อรถแตก
4.ถอดมาดู หลังจากที่เราได้ทำการเช็คลูกปืนล้อรถยนต์เบื้องต้นแล้วกว่า 70% ให้เราถอดล้อและถอดลูกปืนออกมาดูเลยว่าแตกหรือยังหมุนได้ราบเรียบดีอยู่ ถ้าลูกปืนล้อแตก พอเราเอามือหมุนจะทราบได้ทันทีว่ามันจะหมุนฝืดๆ ไม่ราบเรียบ วิธีนี้จะทำให้เรารู้แน่ชัด แต่การเช็คเบื้องต้นจะช่วยให้เราทราบได้เบื้องต้นโดยยังไม่ต้องถอดล้อ สำหรับการถอดล้อสำหรับมือใหม่ไม่แนะนำให้ทำเองที่บ้าน เพราะหากตอนประกอบกลับเข้าไปแล้วขันน๊อตไม่แน่นพออาจทำให้ล้อหลุด หรือประกอบชิ้นส่วนกลับเข้าไปไม่ถูกต้องเหมือนเดิม การเลือกใช้สารหล่อลื่นจะช่วยปกป้องแบริ่งได้อย่างดีเยี่ยมจากการใช้งานที่หนัก ความเร็วรอบสูงและอุณหภูมิที่แบริ่งลูกปืนจะต้องรับมือ ตัวอย่างเช่นในอุตสาหกรรมการผลิตเหล็ก ฟิล์มน้ำมันหล่อลื่นจะต้องอยู่ถึงแม้จะต้องทำงานภายในแรงกดดันที่สูงมากที่ความเร็วรอบต่ำๆ ในทางกลับกันสารหล่อลื่นที่ใช้กับชิ้นส่วนที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านต้องเป็นจาระบีที่มีความบริสุทธิ์คุณภาพสูง ในขณะที่สารหล่อลื่นที่ถูกใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์จะต้องเป็นสารหล่อลื่นที่สามารถช่วยปกป้องแบริ่งในช่วงอุณหภูมิที่กว้างมาก ตั้งแต่
-40 °C และสูงถึง 180 °C
-12 (ABS) ดุมล้อหลัง(ลูกปืนล้อหลัง) มาสด้า 2 MAZDA 2 (ABS) ปี 2009
-2012 4 สกรู (1 ตัว) / WHELL HUB REAR BEARING FORD FIESTA /08
-12 (ABS) ลูกปืนคือหนึ่งในส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของเครื่องจักรและถูกใช้งานอย่างหลากหลาย แรงกดและการขับเคลื่อนถูกส่งผ่านเม็ดลูกปืน (rolling elements) ที่วิ่งอยู่บนรางลูกปืน (raceways) การทำงานของแบริ่งลูกปืนจะมีประสิทธิภาพสูงหากพื้นผิวโลหะไม่มีการเสียดสีกัน แต่หากมีการสัมผัสกันโดยตรงจะส่งผลให้เกิดแรงเสียดทานที่ไม่พึงประสงค์และก่อให้เกิดการสึกหรอและความเสียหายตามมา ซึ่งอาจทำให้แบริ่งเกิดการติดขัดจนทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ ลูกปืนล้อรถแตก วิธีการตรวจเช็คอาการ
1.ฟังเสียง ถ้าลูกปืนล้อรถยนต์เราแตก ในขณะที่เราขับรถเราจะสามารถสังเกตได้โดยการฟังเสียง ยิ่งในขณะทำความเร็วสูงๆจะมีเสียงหอน ครืดๆ เหมือนเหล็กฝืดๆ ถ้าลักษณะนี้เกิดขึ้นหลังจากที่รถของเราขับมาเกินแสนโลแล้ว ให้ทำการเช็คลูกปืนทันทีครับ
2.เช็คโดยการโยกล้อ การเช็คลักษณะนี้เราจะต้องมีอุปกรณ์อย่างน้อยคือแม่แรงยกรถ(เช็คให้มั่นใจว่ารถจะไม่หล่นจากแม่แรงมาทับมือเรา) เมื่อยกรถขึ้นระดับหนึ่งแล้วจนล้อรถยนต์ของเราลอยขึ้นจากพื้น ให้เราทำการโยกล้อที่ตำแหน่ง 9 และ 15 นาฬิกา(ซ้ายขวา) เพื่อฟังเสียงลูกปืนล้อรถ หลังจากนั้นเราลองมาโยกที่ตำแหน่ง 12 และ 18 นาฬิกา(บนล่าง) เพื่อดูว่าเสียงแตกต่างจากเดิมไหม ถ้าได้ยินเสียงค่อกๆแค่กๆผิดปกติ สันนิจฐานได้ว่าลูกปืนล้อรถอาจจะแตก แต่จุดนี้ต้องอาศัยความชำนาญเพราะอาการทีเกิดจากลูกปืนล้อรถและลูกหมากจะไม่เหมือนกัน
3.การหมุนล้อ หลังจากที่เราได้ทำการยกรถและโยกล้อมาแล้ว คราวนี้ให้เราลองหมุนล้อดู ถ้าเกิดราบเรียบไม่มีเสียงแสดงว่าลูกปืนอาจจะยังไม่แตก แต่ถ้าลูกปืนแตกเราจะได้ยินเสียงฝืดๆเหมือนเหล็กลูกปืนล้อรถกำลังบดกัน ครืดๆๆ แบบนี้ยิ่งทำให้มั่นใจว่าลูกปืนล้อรถแตก
4.ถอดมาดู หลังจากที่เราได้ทำการเช็คลูกปืนล้อรถยนต์เบื้องต้นแล้วกว่า 70% ให้เราถอดล้อและถอดลูกปืนออกมาดูเลยว่าแตกหรือยังหมุนได้ราบเรียบดีอยู่ ถ้าลูกปืนล้อแตก พอเราเอามือหมุนจะทราบได้ทันทีว่ามันจะหมุนฝืดๆ ไม่ราบเรียบ วิธีนี้จะทำให้เรารู้แน่ชัด แต่การเช็คเบื้องต้นจะช่วยให้เราทราบได้เบื้องต้นโดยยังไม่ต้องถอดล้อ สำหรับการถอดล้อสำหรับมือใหม่ไม่แนะนำให้ทำเองที่บ้าน เพราะหากตอนประกอบกลับเข้าไปแล้วขันน๊อตไม่แน่นพออาจทำให้ล้อหลุด หรือประกอบชิ้นส่วนกลับเข้าไปไม่ถูกต้องเหมือนเดิม การเลือกใช้สารหล่อลื่นจะช่วยปกป้องแบริ่งได้อย่างดีเยี่ยมจากการใช้งานที่หนัก ความเร็วรอบสูงและอุณหภูมิที่แบริ่งลูกปืนจะต้องรับมือ ตัวอย่างเช่นในอุตสาหกรรมการผลิตเหล็ก ฟิล์มน้ำมันหล่อลื่นจะต้องอยู่ถึงแม้จะต้องทำงานภายในแรงกดดันที่สูงมากที่ความเร็วรอบต่ำๆ ในทางกลับกันสารหล่อลื่นที่ใช้กับชิ้นส่วนที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านต้องเป็นจาระบีที่มีความบริสุทธิ์คุณภาพสูง ในขณะที่สารหล่อลื่นที่ถูกใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์จะต้องเป็นสารหล่อลื่นที่สามารถช่วยปกป้องแบริ่งในช่วงอุณหภูมิที่กว้างมาก ตั้งแต่
-40 °C และสูงถึง 180 °C