เห็ดหลินจืออบแห้งสำหรับชงดื่ม ขนาด150กรัม(ห่อใหญ่)
คุณสมบัติเด่น / รายละเอียดสินค้า:
สรรพคุณของเห็ดหลินจือ
1. ปกป้องตับจากสารพิษ ในเห็ดหลินจือมีสารโพลีแซกคาไรด์และสารไตรเทอร์พีนอยด์ ซึ่งมีคุณสมบัติต่อต้านปฏิกิริยาออกซิเดชัน จึงช่วยปกป้องตับจากการถูกทำลาย และยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุหนึ่งของโรคตับอักเสบ
2. ช่วยรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ จากการทดลองให้กลุ่มผู้ป่วยโรครูมาตอยด์รับประทานสารสกัดจากเห็ดหลินจือ พบว่าเห็ดชนิดนี้มีสรรพคุณลดอาการปวดของผู้ป่วยได้โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ อีกด้วย
3. ลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน ส่วนผู้ที่เป็นเบาหวานแล้ว หากรับประทานเป็นประจำจะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลไม่ให้สูงจนเป็นอันตราย
4. ใช้แก้พิษจากการทำคีโม การรับประทานสารสกัดจากเห็ดหลินจือจะช่วยลดอาการข้างเคียงจากการทำคีโม โดยเฉพาะอาการเจ็บปวดบาดแผล เพราะมีสารที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
5. เพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ติดเชื้อ HIV นอกจากกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้เป็นปกติแล้ว เห็ดชนิดนี้ยังยับยั้งเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น ไวรัส HIV ทำให้ผู้ติดเชื้อมีร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย และอายุยืนขึ้น
6. ชะลอความแก่ เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระจะไปกำจัดอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการทำลายเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย หากรับประทานเป็นประจำช่วยชะลอความแก่ได้
7. ลดระดับไขมันในเลือด จึงลดความเสี่ยงโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดและโรคหลอดเลือดหัวใจ
8. เสริมสมรรถภาพทางเพศ จากการทดลองให้ผู้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศดื่มน้ำต้มเห็ดหลินจือติดต่อกันเป็นระยะเวลา 1 เดือน พบว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นและช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้จริง
9. การรักษามะเร็งด้วยเคมีบำบัดได้ผลดีขึ้น เนื่องจากเห็ดหลินจือมีสารกลุ่มโพลีแซกคาไรด์ (Polysaccharides) ซึ่งเป็นสารที่ออกฤทธิ์ต้านการเกิดเนื้องอกได้ดี รวมถึงมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญและลุกลามของเซลล์มะเร็งอีกด้วย การใช้สารสกัดเห็ดหลินจือร่วมกับการรักษาแผนปัจจุบันจึงให้ผลดี โดยพบว่าช่วยให้การตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดและการฉายรังสีดีขึ้นถึง
1.27 เท่า อย่างไรก็ตาม หากใช้เดี่ยวๆ จะรักษามะเร็งไม่ได้ผลเท่าที่ควร ขนาดและวิธีรับประทานเห็ดหลินจือ ในการใช้เพื่อรักษาโรคทั่วไป ใช้เห็ดหลินจือแห้งประมาณวันละ 3
-6 กรัมต่อวัน หากใช้บำรุงร่างกาย จะใช้เห็ดหลินจือแห้งประมาณวันละไม่เกิน 6 กรัมต่อวัน วิธีรับประทานแบบต้มน้ำเห็ดหลินจือเพื่อดื่ม นำเห็ดหลินจืออบแห้งมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำไปแช่น้ำทิ้งไว้ พอเห็นว่าเริ่มนิ่ม ให้นำใส่หม้อต้มกับน้ำจนเดือด ลดไฟลงแล้วต้มต่อประมาณ 20 นาทีจึงปิดไฟ กรองด้วยผ้าขาวเอาเฉพาะน้ำมาดื่มเท่านั้นผลข้างเคียง การรับประทานเห็ดหลินจือขนาด 6 กรัม/วัน ไม่พบผลข้างเคียงอย่างรุนแรง แต่อาจจะ มีอาการง่วงนอน กระหายน้ำ ปัสสาวะบ่อย เหงื่อออก อุจจาระเหลว หรือมีผื่นแพ้เกิดขึ้นได้ แต่ไม่เกิดกับทุกคนเสมอไปข้อควรระวัง การรับประทานเห็ดหลินจือร่วมกับวิตามินซีจะทำให้ถ่ายอุจจาระเหลวได้ ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิต้านทาน ทั้งนี้เพราะเห็ดหลินจือมีฤทธิ์เพิ่มภูมิต้านทาน หากมีอาการคัน เวียนศีรษะ ปวดหัว เลือดกำเดาไหล ภายหลังจากรับประทานเห็ดชนิดนี้เข้าไป หมายถึงคุณอาจแพ้เห็ดชนิด ให้หยุดรับประทานทันที ผู้ที่กำลังจะเข้ารับการผ่าตัด ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด เพราะเห็ดหลินจืออาจเพิ่มความเสี่ยง ทำให้เลือดหยุดไหลยาก ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยที่ได้รับประทานยากลุ่มป้องกันการเกาะกลุ่มของเกร็ดเลือด เช่น ยา aspirin หรือยา warfarin ทั้งนี้เพราะเห็ดหลินจือมีฤทธิ์เสริมยข้างต้น
1. ปกป้องตับจากสารพิษ ในเห็ดหลินจือมีสารโพลีแซกคาไรด์และสารไตรเทอร์พีนอยด์ ซึ่งมีคุณสมบัติต่อต้านปฏิกิริยาออกซิเดชัน จึงช่วยปกป้องตับจากการถูกทำลาย และยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุหนึ่งของโรคตับอักเสบ
2. ช่วยรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ จากการทดลองให้กลุ่มผู้ป่วยโรครูมาตอยด์รับประทานสารสกัดจากเห็ดหลินจือ พบว่าเห็ดชนิดนี้มีสรรพคุณลดอาการปวดของผู้ป่วยได้โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ อีกด้วย
3. ลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน ส่วนผู้ที่เป็นเบาหวานแล้ว หากรับประทานเป็นประจำจะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลไม่ให้สูงจนเป็นอันตราย
4. ใช้แก้พิษจากการทำคีโม การรับประทานสารสกัดจากเห็ดหลินจือจะช่วยลดอาการข้างเคียงจากการทำคีโม โดยเฉพาะอาการเจ็บปวดบาดแผล เพราะมีสารที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
5. เพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ติดเชื้อ HIV นอกจากกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้เป็นปกติแล้ว เห็ดชนิดนี้ยังยับยั้งเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น ไวรัส HIV ทำให้ผู้ติดเชื้อมีร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย และอายุยืนขึ้น
6. ชะลอความแก่ เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระจะไปกำจัดอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการทำลายเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย หากรับประทานเป็นประจำช่วยชะลอความแก่ได้
7. ลดระดับไขมันในเลือด จึงลดความเสี่ยงโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดและโรคหลอดเลือดหัวใจ
8. เสริมสมรรถภาพทางเพศ จากการทดลองให้ผู้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศดื่มน้ำต้มเห็ดหลินจือติดต่อกันเป็นระยะเวลา 1 เดือน พบว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นและช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้จริง
9. การรักษามะเร็งด้วยเคมีบำบัดได้ผลดีขึ้น เนื่องจากเห็ดหลินจือมีสารกลุ่มโพลีแซกคาไรด์ (Polysaccharides) ซึ่งเป็นสารที่ออกฤทธิ์ต้านการเกิดเนื้องอกได้ดี รวมถึงมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญและลุกลามของเซลล์มะเร็งอีกด้วย การใช้สารสกัดเห็ดหลินจือร่วมกับการรักษาแผนปัจจุบันจึงให้ผลดี โดยพบว่าช่วยให้การตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดและการฉายรังสีดีขึ้นถึง
1.27 เท่า อย่างไรก็ตาม หากใช้เดี่ยวๆ จะรักษามะเร็งไม่ได้ผลเท่าที่ควร ขนาดและวิธีรับประทานเห็ดหลินจือ ในการใช้เพื่อรักษาโรคทั่วไป ใช้เห็ดหลินจือแห้งประมาณวันละ 3
-6 กรัมต่อวัน หากใช้บำรุงร่างกาย จะใช้เห็ดหลินจือแห้งประมาณวันละไม่เกิน 6 กรัมต่อวัน วิธีรับประทานแบบต้มน้ำเห็ดหลินจือเพื่อดื่ม นำเห็ดหลินจืออบแห้งมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำไปแช่น้ำทิ้งไว้ พอเห็นว่าเริ่มนิ่ม ให้นำใส่หม้อต้มกับน้ำจนเดือด ลดไฟลงแล้วต้มต่อประมาณ 20 นาทีจึงปิดไฟ กรองด้วยผ้าขาวเอาเฉพาะน้ำมาดื่มเท่านั้นผลข้างเคียง การรับประทานเห็ดหลินจือขนาด 6 กรัม/วัน ไม่พบผลข้างเคียงอย่างรุนแรง แต่อาจจะ มีอาการง่วงนอน กระหายน้ำ ปัสสาวะบ่อย เหงื่อออก อุจจาระเหลว หรือมีผื่นแพ้เกิดขึ้นได้ แต่ไม่เกิดกับทุกคนเสมอไปข้อควรระวัง การรับประทานเห็ดหลินจือร่วมกับวิตามินซีจะทำให้ถ่ายอุจจาระเหลวได้ ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิต้านทาน ทั้งนี้เพราะเห็ดหลินจือมีฤทธิ์เพิ่มภูมิต้านทาน หากมีอาการคัน เวียนศีรษะ ปวดหัว เลือดกำเดาไหล ภายหลังจากรับประทานเห็ดชนิดนี้เข้าไป หมายถึงคุณอาจแพ้เห็ดชนิด ให้หยุดรับประทานทันที ผู้ที่กำลังจะเข้ารับการผ่าตัด ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด เพราะเห็ดหลินจืออาจเพิ่มความเสี่ยง ทำให้เลือดหยุดไหลยาก ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยที่ได้รับประทานยากลุ่มป้องกันการเกาะกลุ่มของเกร็ดเลือด เช่น ยา aspirin หรือยา warfarin ทั้งนี้เพราะเห็ดหลินจือมีฤทธิ์เสริมยข้างต้น