สเปรย์สมุนไพรกำจัดไรฝุ่น ไมท์ เฟียร์ (MITE FEARR) โฉมใหม่ จาก สวทช. 1 กระป๋อง 250 มล.

สเปรย์สมุนไพรกำจัดไรฝุ่น ไมท์ เฟียร์ (MITE FEARR) โฉมใหม่ จาก สวทช. 1 กระป๋อง 250 มล.
คุณสมบัติเด่น / รายละเอียดสินค้า:
เป็นสเปรย์กำจัดไรฝุ่นสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ ประสิทธิภาพสูงสุด 100%ผ่านการวิจัยจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และรับรองผลโดยศูนย์บริการและวิจัยไรฝุ่นศิริราชสเปรย์มีสารเคมีหรือไม่?สเปรย์กำจัดไรฝุ่น Mite fearr สกัดจากสมุนไพร โดยมีกานพลูและอบเชยเป็นหลัก ซึ่งหากไม่แพ้สมุนไพร2ชนิดนี้ก็ไม่เกิดอันตรายอย่างแน่นอน และยังไม่มีรายงานผู้แพ้สมุนไพรทั้ง 2 ชนิดนี้แม้แต่รายเดียว ประสิทธิภาพ สเปรย์กำจัดไรฝุ่น Mite fearr สามารถฆ่าไรฝุ่นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้แต่ปกติถึงแม้ว่าไรฝุ่นชุดเดิมจะหมดไปแล้ว หรือที่นอนหรือเฟอร์นิเจอร์ ก็อาจจะมีไรฝุ่นอีกได้จากการสัมผัสกับเสื้อผ้าของเรา ที่เราอาจไปติดไรฝุ่นมาจากที่อื่น จึงควรฉีดสเปรย์ทุกๆ2เดือนใช้ได้กับอะไรบ้าง?– ที่นอน หมอน ผ้าห่ม พรม เสื้อ โซฟา ตุ๊กตาและที่อยู่อาศัยของไรฝุ่น – สามารถใช้กับที่นอนเด็กได้ตามปกติ แต่ไม่ควรใช้กับที่นอนทารกที่อายุไม่ถึง 1 เดือน เพราะสเปรย์มีกลิ่นกานพลูและอบเชยแบบอ่อนๆ ซึ่งแม้ว่าจะยังไม่มีรายงานการเกิดอาการแพ้ แต่ก็ยังไม่มีผลวิจัยว่าจะเหมาะสมกับทารกวิธีใช้• สำหรับที่นอน ฉีด Mite fearr ด้วยการรมให้ทั่ว แล้วใช้ผ้าห่มหนาๆหรือพลาสติดคลุมไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมงโดยเดือนแรก ฉีด 2 ครั้ง อาทิตย์เว้นอาทิตย์แล้วฉีดซ้ำ ทุก 1
-2เดือน• สำหรับหมอน ผ้า พรม ผ้าม่าน เสื้อ โซฟา และตุ๊กตา ฉีด Mite fearrbสัมผัสโดยตรงโดยใช้ช่วงเดือนแรกฉีด 2 ครั้ง อาทิตย์เว้นอาทิตย์แล้วฉีดซ้ำ ทุก 1
-2เดือนวิธีเก็บรักษา• เก็บในที่มิดชิดให้ห่างจากเด็กอาหารและสัตว์เลี้ยง อย่าให้ถูกแสงแดดเปลวไฟหรือความร้อน โรคภูมิแพ้เกิดจาก ?• ไรฝุ่นซึ่งอยู่บนที่นอน มันจะถ่ายมูลออกมา สามารถระเหยมาเข้าจมูกของเราได้ ทำให้เกิดอาการ หอบหืด• ไอจาม มีน้ำมูก เกิดภาวะภูมิแพ้คำเตือน• ระวังอย่าให้ละอองเข้าตา ปากจมูก• เมื่อเสร็จการใช้แล้วต้องล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ทุกครั้ง• อย่าฉีดพ่นในห้องที่มีเด็กอ่อน หรือผู้ป่วย• ห้ามทิ้งภาชนะบรรจุที่ใช้หมดแล้วลงใน แม่น้ำ คูคลอง แหล่งน้ำสาธารณะ ควรทิ้งในที่เหมาะสมและห้ามเผาไฟจะเกิดอันตรายไรฝุ่น เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่อยู่ในตระกูล Phylum Arthopoda เช่นเดียวกับแมลงและแมง แต่มีลักษณะเด่นคือมีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า เนื่องจากมีขนาดเพียง
0.3 มิลลิเมตร ชอบอาศัยอยู่ในที่มีอุณหภูมิ 25
-30 องศาเซลเซียสและอยู่ในที่มีความชื้นสูงร้อยละ60
-70 ไม่ชอบแสงสว่าง ดังนั้นในบ้านเรือนจึงพบไรฝุ่นได้ตามในที่นอน หมอน ผ้าห่ม พรหม บนโซฟา ผ้าม่าน หรือตุ๊กตาที่ใช้วัสดุภายในเป็นเส้นใยโดยทั่วไปแล้วไรฝุ่นจะมีวงจรชีวิต 5 ระยะ คือเมื่อตัวไรเข้าสู่ช่วงเจริญวัยเต็มที่จะเริ่มทำการผสมพันธุ์ ซึ่งหลังจากผสมพันธุ์ได้ 3
-4 วัน ตัวเมียจะเริ่มวางไข่เฉลี่ยวันละ 3
-4 ครั้ง แต่ละครั้งสามารถวางไข่ได้เพียงครั้งละ 1 ฟอง โดยตลอดชีวิตของไรฝุ่น 1 ตัว จะสามารถออกไข่ได้ถึง 80
-100 ฟอง จากนั้นไข่จะเริ่มฟักเป็นตัวอ่อนภายในเวลา 8
-12 วัน เข้าสู่ระยะวัยรุ่น 1 จะมีขา 6 ขา และทำการลอกคราบหลายครั้ง ซึ่งในระยะนี้จะไม่มีการเคลื่อนไหว เมื่อเริ่มสร้างผิวตัวและเจริญเข้าสู่ระยะวัยรุ่น 3 จะมีขาครบ 8 ขา แล้วก็พัฒนาเข้าสู่ระยะตัวเต็มวัยที่มีลวดลายคล้ายนิ้วมือบนผิวตัว ไรฝุ่นจะมีช่วงอายุไขทั้งหมดเพียง 2
-4 เดือน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของอาหาร อุณหภูมิและความชื้นในอากาศด้วยไรฝุ่นมีชีวิตอยู่ได้โดยการกินเศษขี้ไคล ขี้รังแค สะเก็ดผิวหนังเป็นอาหาร โดยเศษผิวหนัง 1 กรัมสามารถเลี้ยงไรฝุ่นได้ 1,000,000 ตัวนานถึง 1 สัปดาห์ อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 25
-30 C และความชื้นสัมพัทธ์ 75
-80% สารก่อภูมิแพ้หลัก มักอยู่ในรูปของมูลและคราบของไรฝุ่น ซึ่งสามารถลอยปะปนอยู่ในอากาศและสูดดมเข้าไปได้ WHOได้กำหนด ระดับสารก่อภูมิแพ้ 2 ไมโครกรัม/ ฝุ่น 1 กรัม หรือไรฝุ่น 100
-500 ตัว/ ฝุ่น 1 กรัม เป็นระดับมาตรฐานที่สามารถกระตุ้นให้ผู้ป่วยมีอาการหอบหืด และ 10 ไมโครกรัม/ ฝุ่น 1 กรัม จะกระตุ้นให้ผู้ป่วยมีอาการหอบหืดอย่างเฉียบพลันได้ ในประเทศไทยพบสารก่อภูมิแพ้ เฉลี่ย 11 ไมโครกรัม/ ฝุ่น 1 กรัม และในกรุงเทพฯ พบปริมาณของสารก่อภูมิแพ้ เฉลี่ย 5 ไมโครกรัม/ ฝุ่น 1 กรัมสเปรย์กำจัดไรฝุ่นนักวิจัย BRT พัฒนาต่อยอดจากสารสกัดสมุนไพร สู่ “สเปรย์น้ำมันหอมระเหยจากพืชกำจัดไรฝุ่น” เผยไม่เพียงมีฤทธิ์กำจัดไรฝุ่นได้ 100 % เท่านั้น แต่ยังสามารถเติมแต่งกลิ่นหอมได้ตามชอบ เช่น กลิ่นมะลิ กาแฟ ลาเวนเดอร์ ยูคาลิปตัส ที่สำคัญปลอดภัยต่อผู้บริโภค ไม่มีปัญหาเรื่องสีติดที่นอน หรือสร้างความเสียหายต่อเฟอร์นิเจอร์โรคภูมิแพ้ เป็นภาวะภูมิไวเกิน (hypersensitivity) ที่ร่างกายแสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมที่เรียกว่า สารก่อภูมิแพ้ (allergen) อาการที่แสดงออกมาได้แก่ เยื่อจมูกอักเสบ ผิวหนังอักเสบ และหอบหืด เป็นต้น ซึ่ง 80 % ของการก่อโรคมีสาเหตุมาจากผงฝุ่นที่เกิดจากมูลของสัตว์ตัวจิ๋วที่ชื่อว่า “ไรฝุ่น” ทั้งนี้ปัจจุบันประเทศไทยมีรายว่างานพบผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ที่มีสาเหตุมาจากไรฝุ่นแล้วประมาณ 10 ล้านคน โดยชนิดไรฝุ่นที่สำคัญ ได้แก่ Dermatophagoides pteronyssinus (Trouessart) และ Blomia tropicalis Bronswijk ที่สำคัญไรฝุ่นกว่า 90%มักพบที่เตียงนอนที่ต้องใช้ทุกวันดร.อำมร อินทร์สังข์ ภาควิชาเทคโนโลยีการจัดการศัตรูพืช คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า ที่ผ่านมาทีมวิจัยได้ค้นพบสารสกัดจากสมุนไพรที่มีฤทธิ์กำจัดไรฝุ่นได้สำเร็จ แต่เมื่อนำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมกลับยังประสบปัญหา เนื่องจากสารสกัดมีการปะปนของสารอื่นๆ อยู่มาก ทำให้ควบคุมคุณภาพได้ยาก อีกทั้งในสารสกัดของพืชยังมีเม็ดสี จึงทำให้สีติดที่นอน และทำให้เกิดรอยด่างสร้างความเสียหายต่อเฟอร์นิเจอร์บางอย่างได้ ด้วยเหตุนี้ทีมวิจัยซึ่งมีคุณจรงค์ศักดิ์ พุมนวน นักวิทยาศาสตร์ในสังกัดภาควิชาฯ เป็นกำลังหลัก ได้ทำการศึกษาการควบคุมไรฝุ่นชนิด Dermatophagoides pteronyssinus ด้วยสารสกัดน้ำมันหอมระเหยจากพืชเพื่อทดแทนการใช้สารสกัดหยาบ ซึ่งได้รับการสนับสนุนการวิจัยจากโครงการพัฒนาองค์ความรู้และศึกษานโยบายการจัดการทรัพยากรชีวภาพในประเทศไทย (BRT)” ในการวิจัยได้สกัดน้ำมันหอมระเหยจากพืช 8 ชนิด ได้แก่ กานพลู อบเชย ขมิ้นชัน ไพล ตะไคร้หอม พริกไทยดำ โหระพา และมะพร้าว ที่ความเข้มข้นระดับต่างๆ จากนั้นนำน้ำมันหอมระเหยของพืชแต่ละชนิดมาทดสอบประสิทธิภาพการกำจัดไรฝุ่น ด้วยการฉีดสารละลายของน้ำมันหอมระเหยลงในกรงทดสอบซึ่งมีไรฝุ่นตัวเต็มวัยจำนวน 10 ตัว จากนั้นปิดฝาและรมไว้นาน 1 ชั่วโมง และตรวจนับการตายภายในชั่วโมงที่ 24 ซึ่งผลการทดสอบพบว่า น้ำมันหอมระเหยจากกานพลูและอบเชยที่ความเข้มข้น
1.0% มีประสิทธิภาพในการกำจัดไรฝุ่นสูงสุดคือ 100 % รองลงมาคือน้ำมันหอมระเหยจากขมิ้นชัน ไพล และตะไคร้หอม ที่ความเข้มข้น
1.5 % โดยกำจัดไรฝุ่นได้
93.3 ,
90.0 และ
76.7 ตามลำดับ น้ำมันหอมระเหยจากพริกไทยดำและโหระพากำจัดได้ 50
-70 % ส่วนน้ำมันหอมระเหยจากมะพร้าวกำจัดได้ต่ำกว่า 50 %จากนั้นทีมวิจัยได้นำน้ำมันหอมระเหยที่มีประสิทธิภาพสูงมาผสมเป็นสูตรน้ำมันหอมระเหยสำหรับกำจัดไรฝุ่น โดยสูตรที่ดีที่สุด คือ ใช้กานพลูกับอบเชยเป็นสารประกอบหลัก และใช้ไพลกับตะไคร้หอมเป็นสารประกอบรอง ที่ความเข้มข้น 1% ละลายในเอทานอล จากนั้นเติมน้ำมันหอมระเหยจากมะลิและกาแฟความเข้มข้น
0.25% เพื่อดับกลิ่นฉุนของสมุนไพร และทำการใส่น้ำมันหอมระเหยจากดอกลาเวนเดอร์ ยูคาลิปตัส เพื่อเพิ่มกลิ่นหอม ก่อนที่จะอัดแก๊สทำเป็นสเปรย์กระป๋อง ”ดร.อำมร กล่าวว่า ปัจจุบันสูตรผสมน้ำมันหอมระเหยที่คิดค้นขึ้น ได้มีการทดลองบรรจุเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อทดลองใช้แล้ว ซึ่งไม่เพียงฆ่าไรฝุ่นได้ 100% ทั้งวิธีการรมและการฉีดพ่นโดยตรงเท่านั้น แต่ยังมีกลิ่นหอม ไม่เป็นอันตราย ที่สำคัญไม่มีปัญหาเรื่องสีติดที่นอน หรือสร้างรอยด่างให้แก่เฟอร์นิเจอร์ด้วย ส่วนวิธีการใช้ให้มีประสิทธิผลควรฉีดน้ำมันหอมระเหยลงไปที่ฟูก ที่นอน หรือโซฟา แล้วนำพลาสติกหรือผ้าหนาๆมาคลุมไว้ 1
-2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้ไอระเหยออกไปทำให้ไรฝุ่นที่หนีลงไปใต้ผิวที่นอนหรือโซฟาตายได้ สำหรับระยะการฉีดควรจะฉีด 2
-3 เดือนต่อครั้ง เพราะไรฝุ่นอาจกลับมาภายหลังในช่วง 5
-6 เดือนได้ โดยติดมากับหนู สัตว์เลี้ยง หรือติดมากับเสื้อผ้าเมื่อไปนั่งที่โซฟาหรือที่นอนซึ่งมีไรฝุ่นจากที่อื่นๆอย่างไรก็ดีขณะนี้สเปรย์น้ำมันหอมระเหยจากพืชกำจัดไรฝุ่นได้ยื่นจดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว และมีภาคธุรกิจเข้ามาติดต่อเพื่อนำไปผลิตขายในเชิงพาณิชย์ โดยต้นทุนการผลิตคาดว่าน่าจะมีราคาสูงกว่ายาฉีดยุงทั่วไปไม่มากนัก จึงนับเป็นทางเลือกใหม่ ที่จะช่วยให้ประชาชนกำจัดไรฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัยทั้งผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญยังช่วยป้องกันและลดอัตราการเกิดผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ในประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้นด้วย
 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมของ สเปรย์สมุนไพรกำจัดไรฝุ่น ไมท์ เฟียร์ (MITE FEARR) โฉมใหม่ จาก สวทช. 1 กระป๋อง 250 มล.
หากรายละเอียดยังไม่เพียงพอ โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ร้านด้านล่าง....
Vitamore24