คู่มือเลี้ยงลูก 0-3 ขวบ สไตล์คุณแม่ญี่ปุ่น (Parenting Guide)
คุณสมบัติเด่น / รายละเอียดสินค้า:
-Parenting Guide คู่มือเลี้ยงลูก 0
-3 ขวบ สไตล์คุณแม่ญี่ปุ่น
- คำนำ คำนิยมโดย นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ และ ผศ.นพ.วรวุฒิ เชยพระเสริฐ หรือพ่อหมอวิน จาก เพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ .......... คำนำ หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องพัฒนาการเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 3 ขวบ อันเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดในการสร้างรากฐานของความเป็นมนุษย์ ดังที่เคยเขียนเสมอว่า ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์สร้างเสร็จแล้วเมื่อสามขวบ และเป็นไปดังชื่อหนังสือเล่มหนึ่งและคำพูดที่ได้ยินเสมอๆว่า กว่าจะถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว . ยุคสมัยเปลี่ยนไป ครอบครัวขยายลดจำนวนลงทั่วโลกรวมทั้งบ้านเรา พ่อแม่สมัยใหม่เผชิญหน้าการเลี้ยงลูกด้วยตัวเองตั้งแต่วันแรกที่กลับจากโรงพยาบาล โดยที่ส่วนใหญ่ไม่มีปู่ย่าตายายคอยช่วยเหลือหรือให้คำแนะนำ หรือแม้ว่ามีก็มักจะมีวิธีเลี้ยงทารกและเด็กเล็กที่ไม่ตรงกัน นำมาซึ่งความสับสนเสียมากกว่ามาก . ท่ามกลางความสับสนนี้ การมีที่ปรึกษาย่อมเป็นเรื่องดี เพื่อนร่วมงานที่ทำงาน เพื่อนบ้านที่มีประสบการณ์ และเพจเลี้ยงลูกเป็นทางเลือกที่เลือกได้นอกเหนือจากปู่ย่าตายาย อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหลายคนสบายใจมากกว่าที่จะมี หนังสือ สักเล่มเป็นผู้คอยให้คำแนะนำ ให้คำตอบ คลายข้อสงสัย และที่สำคัญคือจับต้องได้ เป็นรูปเล่ม . ภาคแรกของหนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องพัฒนาการเด็กทีละเดือนๆ ตั้งแต่แรกเกิดใน 12 เดือนแรก ตามด้วยการเปลี่ยนแปลงทีละช่วงๆ ไปจนถึงอายุ 3 ขวบ วิธีเขียนเป็นการลงรายละเอียดอย่างครอบคลุมและอย่างสั้น เริ่มตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย เด็กจะทำอะไรได้บ้าง การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ เด็กรู้สึกนึกคิดสนใจสิ่งใด การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ เด็กตอบสนองพ่อแม่และสิ่งแวดล้อมอย่างไร รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เด็กตอบสนองคนแปลกหน้าและผู้คนอย่างไร . รายละเอียดของการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เหมาะสำหรับอ่านก่อนถึงเวลา แต่การอ่านก่อนถึงเวลามักทำความเข้าใจไม่ได้ทั้งหมดด้วยยังไม่มีประสบการณ์ จึงเหมาะแก่การอ่านเมื่อถึงเวลาหรือเมื่อเวลาผ่านพ้นไปแล้วก็จะเข้าใจแจ่มแจ้ง อะไรที่ปรับปรุงได้แก้ตัวได้จะได้รีบทำ ว่าที่จริงแล้วควรอ่านอย่างยิ่งหากคิดจะมีบุตรคนที่สอง จะเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของเด็กและวิธีดูแล รับมือ แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบและครบถ้วน อะไรที่เคยไม่ทำ เคยบกพร่อง เคยผิดพลาด จะได้ปรับปรุงให้เรียบร้อย . ส่วนที่ดีมากของหนังสือเล่มนี้คือเรื่องเล่าสั้นๆจากคุณแม่ตัวจริงหลายคนในทุกช่วงเวลาที่ตอนล่างของหนังสือ ส่วนนี้มิใช่เรื่องเล่าความสำเร็จแต่เป็นประสบการณ์ตรง ความยากลำบาก ความไม่รู้ ความเปิ่น ช่วยให้เรารู้สึกได้ในทันทีว่ามิใช่มีเราเพียงคนเดียวที่ไม่ประสา เก้ๆกังๆ และเคยทำอะไรไปเพราะไม่รู้ ที่แท้แล้วเราก็เป็นเหมือนคุณแม่คนอื่นๆที่ล้วนเคยผ่านประสบการณ์ที่ไม่รู้อะไรเลย แต่กลับถูกผู้คนและสังคมคาดหวังให้เป็นคุณแม่ดีเด่นตั้งแต่ต้นมือ . โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความไม่รู้ในส่วนที่เป็นประเด็นถกเถียง เช่น การนอนคว่ำ การดูโทรทัศน์ การป้อนข้าว การฝึกขับถ่ายและการจัดการความดื้อ เหล่านี้เมื่ออ่านไปอาจจะพบข้อแนะนำที่ง่ายแต่ขัดกับสามัญสำนึกหรือความรู้ที่เคยทราบมา แม้แต่เรื่องเล่าจากทางบ้านก็เป็นไปทางนั้น แต่ครั้นอ่านไปๆ จะพบว่ามีคำอธิบายและข้อแนะนำที่ละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าที่ถูกที่ควรควรทำอย่างไร รวมทั้งคำแนะนำเรื่องการดูโทรทัศน์หรือหน้าจอในเด็กเล็กซึ่งเป็นปัญหาทั่วโลก และเรื่องนมแม่ที่เป็นข้อถกเถียงและวิวาทะเสมอมา . วิธีฝึกเด็กกินข้าว ขับถ่าย และการจัดการพฤติกรรมเป็นส่วนที่พลาดไม่ได้ เขียนสั้น ละเอียด และชัดเจน เป็นขั้นตอน ทำดีๆแต่แรกอะไรๆจะง่าย ระหว่างทางเลี้ยงลูก จะมีความกังวลใจเข้ามาแทรกและรบกวนจิตใจพ่อแม่เสมอ คำถามที่ผุดขึ้นบ่อยครั้งคือ ลูกเราผิดปกติหรือเปล่า หนังสือเล่มนี้มีข้อดีอีกข้อหนึ่งคือมีข้อความจากคุณแม่ที่กังวลเหมือนเราหลายจุดและจะไม่มีคำตอบให้ เหตุเพราะความกังวลเหล่านั้นจะผ่านมาและผ่านไป และถ้าเราทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว อะไรที่เราสังเกตเห็นในตัวลูกมักจะหายไปได้เองโดยไม่ต้องทำอะไร จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆที่เด็กๆอาจจะทำหรือทดลองบางสิ่ง เมื่ออิ่มใจแล้วเขาก็จะผ่านไปสนใจสิ่งอื่นต่อเพราะพัฒนาการไม่เคยนิ่ง . ในทางตรงข้าม หลายครั้งที่การแทรกแซงเด็กเร็วเกินไปกลับทำให้พฤติกรรมบางอย่างถูกตรึงอยู่กับที่ไม่ไปไหน หรือเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นอ่านเรื่องเล่าจากประดาแม่ๆธรรมดาๆ ให้มากๆ จะพบว่าเรามีเพื่อนร่วมทางแห่งความกังวลใจมากมาย และอะไรๆที่เกิดมิใช่เรื่องใหญ่ . การเลี้ยงลูกนั้นเหนื่อยยากแน่ แต่เราสามารถทำให้เป็นสุข เหนื่อยน้อยลงและถูกต้องได้ด้วยการหาความรู้เบื้องต้นบ้าง การทำดีๆตั้งแต่แรกจะช่วยให้งานง่ายขึ้นเรื่อยๆเมื่อเด็กอายุมากขึ้นเรื่อยๆ กล่าวคือมีส่วนที่ว่านอนสอนง่ายมากกว่าส่วนที่ดื้อดึงเถียงคำไม่ตกฟาก มีปัญหาให้ต้องตามแก้ไขไม่จบสิ้นน้อยกว่าเรื่องราวหวานชื่นที่น่ารื่นรมย์ และสุดท้ายแล้วพอเราพ้นจากภาระพ่อแม่เมื่อลูกเติบโตเป็นวัยรุ่นตอนปลายต่อผู้ใหญ่ตอนต้น เราจะได้เสพสุขและเฝ้าดูพวกเขาใช้ชีวิตที่ดีต่อไป โดยนายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
-