ตู้แช่แข็ง powerbuy ยี่ห้อไหนที่คุณควรซื้อ ที่สุดในปี 2024

สุดยอดตู้แช่แข็ง powerbuyราคาพิเศษ ดูรายละเอียด เครื่องปิ้งขนมปัง Toaster Top PowerBuy รุ่นE007 คุณลักษณะ ของสินค้าก่อนซื้อ ว่าเป็นไปตามความต้องการสูงสุดของคุณหรือไม่ คุณภาพ คัดสรรสินค้ามาให้เลือกครบทุกประเภท พร้อมรับราคาพิเศษสำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อโดยเฉพาะ

ราคาพิเศษมาแนะนำลูกค้าที่น่ารัก ราคาคุ้มค่า เราแนะนำเลยเจ้านี้ เครื่องปิ้งขนมปัง Toaster Top PowerBuy รุ่นE007  สินค้าออนไลน์  ราคาพิเศษส่งให้คุณลูกค้าถึงหน้าบ้าน สั่ง เครื่องปิ้งขนมปัง Toaster Top PowerBuy รุ่นE007  ไป ราคาถูกจนไม่น่าเชื่อ สินค้าใส่ซองกันกระแทกมาตอนจัดส่งให้ด้วย ส่งเร็วทันใจ คุณภาพเยี่ยมพอดีเห็น ราคาน่าจะลดลง ซื้อเลย สินค้าไม่เสียหาย มีคุณภาพ ส่งไว คุณภาพเยี่ยม ตอนนี้ลองใช้มาซักพักใช้ได้ดี ไม่มีปัญหา

     
คุณรู้หรือไม่ ? นอกจากตู้แช่แข็ง powerbuy มีเรื่องที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้ออีกมากมายไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ สี ขนาด ราคา วัสดุที่ใช้และน้ำหนักซึ่งปั จจัยเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความชอบและลักษณะ ซึ่งมีทั้ง เครื่องปิ้งขนมปัง Toaster Top PowerBuy รุ่นE007 และการใช้ของแต่ละบุคคล ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหา ตู้แช่แข็ง powerbuy วันนี้ทางเราได้จัด 1 อันดับตู้แช่แข็ง powerbuyยี่ห้อดีต่อใจมาให้คุณแล้ว!
ตู้แช่แข็ง powerbuy ยี่ห้อไหนที่คุณควรซื้อ
จัดอันดับ "ตู้แช่แข็ง powerbuy" ที่สุดในปี 2024
ตู้แช่แข็ง powerbuy

บทสรุป

รีวิวตู้แช่แข็ง powerbuyหวังว่าสินค้าชิ้นนี้ จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี

สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าตัวช่วยประหยัดเวลาในชั่วโมงเร่งรีบ

ปัญหารถติดเป็นปัญหาหลักสำหรับผู้ที่ใช้ชิวิตอยู่ในกรุงเทพฯ หากพักอยู่ใกล้ ๆ ที่ทำงาน อยากเดินทางแบบชิว ๆ จะทำยังไงได้บ้าง จะให้เดินหรือปั่นจักรยานไปถึงที่ออฟฟิศคงจะได้อาบน้ำกันใหม่อีกรอบ เพราะอากาศของประเทศไทยร้อนเหมือนซ้อมตกนรก แต่ถ้าให้พึ่งพี่วินก็เสี่ยงกับชีวิตเหลือเกิน พี่วินบางคนก็ขี่รถเหมือนออกมาจาก Fast & Furious เฉี่ยวกระจกรถยนต์บ้างหล่ะ หรือฝ่าไฟแดงบ้างหล่ะ ต้องคอยลุ้นว่าวันนี้จะไปถึงที่ทำงานไหม แต่ว่าด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นทุกวัน สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจึงเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทาง ด้วยขนาดที่เล็กกระทัดรัด น้ำหนักเบา และสามารถพับได้ คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้คุณสามารถนำ สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ขึ้นรถไฟฟ้าหรือรถขนส่งสาธารณะได้อย่างสะดวก สบาย และยังมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่จะทำให้คุณไม่ต้องเหนื่อย พร้อมระบบต่าง ๆ ที่ช่วยเหลือคุณให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น แต่มือใหม่อย่างเราจะเลือกซื้อ Scooter ไฟฟ้าอย่างไรดี เราจึงรวบรวมวิธีเลือกสกูตเตอร์ไฟฟ้ามาฝากกันเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนเลือกซื้อกัน

วิธีเลือกซื้อสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าต้องดูอะไรบ้าง ?

1. น้ำหนักของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า

ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อสกูตเตอร์ไฟฟ้า คือ น้ำหนักเพราะมันมีผลต่อความสะดวกในการพกพาจริง ๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานอีกด้วย เนื่องจาก Scooter ไฟฟ้าไม่สามารถพาใช้ได้บนทุกเส้นทางในเมืองหลวงและสภาพถนนไม่เอื้อกับการใช้สกูตเตอร์ไฟฟ้าสักเท่าไร ฉะนั้นเราอาจจำเป็นต้องแบกสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าในบางสถานการณ์ เช่น ขึ้นไฟฟ้า หรือขึ้นรถเมล์ ดังนั้นน้ำหนักของสกูตเตอร์ไฟฟ้าจึงเป็นปัจจัยลำดับแรก ๆ ที่เราควรคำนึงถึง แต่ถ้าใครที่คิดจะเอามาใช้แค่ขี่เล่นในหมู่บ้าน ขี่ไปซื้อของที่ร้านปากซอยหรือ 7-Eleven ก็อาจจะไม่ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องน้ำหนักมาก เลือกตามสไตล์ที่ชอบได้เลย

2. ระยะในการใช้งานต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

อย่างที่เรารู้กันว่า Scooter ไฟฟ้า เป็นอุปกรณ์ช่วยอำนวยความสะดวกได้เป็นอย่างดีในเวลาเร่งรีบ ซึ่งหากเราต้องใช้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าในการเดินทางทุกวัน แบตเตอร์รี่ของสกูตเตอร์ไฟฟ้าจึงเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่เราควรเลือก นอกจากนี้แล้วควรคำนึงถึงระยะเวลาชาร์จต่อ 1 ครั้งใช้เวลาเท่าไร เพื่อให้สะดวกต่อการใช้ในครั้งต่อไป บางยี่ห้อจะมีคุณสมบัติพิเศษตรงที่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ ซึ่งก็จะช่วยให้เพิ่มระยะทางในการเดินทางได้ด้วย แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการที่ต้องแบกน้ำหนักแบตเตอรี่เพิ่มด้วยเช่นกัน (น้ำหนักแบตเตอรี่เสริมโดยปกติจะที่ประมาณ 1 กิโลกรัมกว่า ๆ)

3. มอเตอร์ไฟฟ้า

มอเตอร์ไฟฟ้าและขนาดของล้อควรมีขนาดที่เข้ากันพอดี เพราะหากมอเตอร์ไฟฟ้ามีขนาดใหญ่กว่าและล้อสกูตเตอร์ไฟฟ้าแบบรวมศูนย์กลางเล็กกว่า เมื่อนำไปใช้งาน จะพบว่าเกิดการลื่นไถลได้ง่าย ซึ่งถือว่าอันตรายมาก ขนาดของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ควรใช้เพื่อความปลอดภัยคือ 250W แต่อาจจะเป็นปัญหาเมื่อต้องปีนขึ้นทางลาดชัน สกูตเตอร์ไฟฟ้าที่มีมอเตอร์ขนาด 350W-450W เป็นขนาดมาตรฐาน แต่ผู้ผลิตได้ค้นพบที่จะทำให้มอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลังแรงขึ้นด้วยแพคเกจขนาดเล็กกว่า นั่นคือการขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้าที่สูงเท่ากับ 1000 วัตต์ ด้วยมอเตอร์ฮับแบบล้อเดียวที่มีขนาด 10 นิ้ว

4. ความสูงของแฮนด์ต้องอยู่ในระดับที่พอดี

ลองจินตนาการดูว่า คุณต้องยืนทรงตัวอยู่บนสกู๊ตเตอร์นานขนาดไหน หากต้องใช้มันเดินทางวันละ 5 กิโลเมตร หรือประมาณ 5-8 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในขณะที่เจ้ายานพาหนะสองล้อนี้ทำความเร็วได้ประมาณ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงควรเลือกสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ซับพอร์ตสรีระเราได้ด้วย เทคนิคง่าย ๆ เริ่มจากไปทดลองใช้งานจริงที่ร้านก่อนตัดสินใจซื้อ โดยเลือกคันที่มีระดับความสูงของแฮนด์พอดีกับความสูงของเรา และปรับความสูงขึ้นลงได้หลายระดับ เวลาขับขี่จะได้ไม่ต้องก้มหรือโก่งหลังมากเกินไป ที่สำคัญการไปลองขี่ด้วยตัวเองจริง ๆ จะช่วยให้เลือกเจ้าสองล้อคู่ใจได้ง่ายขึ้นด้วย

5. ขนาดของล้อสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า

ข้อนี้อาจจะไม่ได้อยู่ในเกณฑ์การพิจารณาของผู้ใช้งานหลาย ๆ ท่าน แต่ขนาดของล้อถือเป็นปัจจัยสำคัญอีกข้อหนึ่ง ซึ่งมันเป็นตัวกำหนดน้ำหนักของสกูตเตอร์ไฟฟ้า ความปลอดภัยในการขับขี่ และความสบายในการขับขี่ สำหรับการใช้งานบนท้องถนนในเมือง ควรเลือกคันที่มาพร้อมล้อขนาด 8 นิ้วขึ้นไป เพราะล้อไซส์นี้สามารถเคลื่อนผ่านหลุมขนาดเล็ก เนิน ลูกระนาด หรือพื้นต่างระดับที่ไม่สูงนักได้ดี ช่วยให้ยังทรงตัวและควบคุมทิศทางได้อยู่ ส่วนล้อขนาด 5-6 นิ้ว จะเหมาะกับการใช้เดินทางในหมู่บ้าน หรือใช้เดินทางในตึกและอาคารมากกว่า

6. การพับเก็บที่สะดวกต่อการขนย้าย

ใครที่คิดจะซื้อสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเพื่อใช้เชื่อมการเดินทาง การพับได้เป็นเรื่องสำคัญมาก เราจะเห็นหลาย ๆ แบรนด์พยายามชูจุดขายที่การมีที่นั่งในตัว แต่แบบนั้นทำให้พับเก็บค่อนข้างยาก แต่ก็มีบางยี่ห้อที่พับเก็บได้ เช่น Urban-E เป็นต้น ปกติแล้ว Scooter ไฟฟ้า มันจะถูกออกแบบมาให้กดสลักครั้งเดียวแล้วพับได้เลย หากพับเก็บยากและใช้เวลาพับเก็บนาน อาจจะทำให้คุณเสียเวลา แล้วตกรถไฟขบวน BTS หรือรถเมล์ได้ ดังนั้นต้องเช็คให้ดีก่อนเลือกซื้อ

7. สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารุ่นไหนก็ขี่ตอนฝนตกหนักไม่ได้

สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ ไม่ได้ออกแบบมาให้กันน้ำจริงจัง มันกันน้ำกระเซ็นได้ ขี่ตอนฝนตกปรอย ๆ พอไหว แต่ถ้าฝนตกหนัก หรือมีน้ำท่วมขัง แนะนำให้งดขี่ได้เลย ยิ่งถ้าเป็นฤดูฝนนี่ควรพับเก็บไว้ในบ้าน หากเอาออกมาขี่เล่น MV กลางสายฝน Scooter ไฟฟ้าตัวโปรดอาจจะเจ๊งได้ ส่วนพื้นผิวที่เหมาะสำหรับการขับขี่สกูตเตอร์ไฟฟ้าคือ พื้นผิวแข็ง ๆ ประมาณนึง ถ้าไปเจอดินร่วน ๆ ดินแฉะ ๆ หรือ พื้นกรวดที่เต็มไปด้วยกรวดและเศษหิน ไม่เหมาะอย่างยิ่ง พื้นดินลูกรังเลี่ยงได้ควรเลี่ยงเช่นกัน

เช็คสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ราคาล่าสุด

  • Self Balancing Scooters 7 นิ้ว สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ราคา 2,522 บาท
  • Mini Segway Hoverboard สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ราคา 2,969 บาท
  • Easybike 520 Self Balancing Scooters สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ราคา 3,359 บาท
  • Self Balancing Scooters 10 นิ้ว สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ราคา 3,499 บาท

*สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

จบไปแล้วสำหรับวิธีการเลือกสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า เหตุผลหลักในการเลือกซื้ออยู่ที่จุดประสงค์ในการใช้ หากต้องการ Scooter ไฟฟ้า เอาไว้ขี่เล่นใกล้ ๆ บ้านก็ไม่ต้องคำนึงเรื่องน้ำหนัก แบตเตอรี่ หรือการพับเก็บมาก แต่ผู้ที่ต้องการใช้เอาไว้เดินทางในเมืองอย่างจริงจัง ก็ควรคำนึงถึงปัจจัยข้างต้นก่อนซื้อ เพราะหากซื้อมาแล้วไม่ตรงตามกับสเปคที่อยากได้ อาจต้องเสียเงินเปล่าโดยใช่เหตุ สำหรับผู้ที่ต้องชื่นชอบกีฬาเอ็กซ์ตรีม เราก็มีสินค้าอย่าง จักรยาน จักรยานไฟฟ้า สเก็ตบอร์ด และอื่น ๆ อีกมากมาย ติดตามข่าวสาร โปรโมชั่น ส่วนลดต่าง ๆ ได้ที่ iPrice Thailand เว็บไซต์เปรียบเทียบราคาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

พ่อบ้านแม่บ้านคนไหนที่กำลังมองหากิจกรรมยามว่างในช่วงเวลาที่ต้องพักผ่อนอยู่บ้านแบบนี้ การมี "เครื่องทำเครป" สักเครื่องติดบ้านไว้ก็คงจะช่วยแก้เบื่อได้ดีทีเดียว เพราะนอกจากเจ้าเครื่องนี้จะสามารถทำเครปได้ง่ายดายและน่ารับประทานแล้ว ยังนำไปประยุกต์ทำแพนเค้กหรือโอโคโนมิยากิ (พิซซ่าญี่ปุ่น) ได้อีกด้วย


แต่จะว่าไปแล้ว ถึงแม้จะเป็นเครื่องใช้ในครัวที่ดูเหมือนไม่มีอะไรพิเศษ แต่รู้หรือไม่คะว่า องค์ประกอบบางอย่างของเครื่องทำเครปก็ส่งผลต่อหน้าตาและความน่าทานของเครปได้ด้วย ดังนั้น ทางทีมงานจึงไม่พลาดที่จะพาผู้อ่านไปเจาะลึกเทคนิคการเลือกเครื่องทำเครปที่ถูกใจ แถมด้วย 10 อันดับเครื่องทำเครปยอดฮิตที่ต้องบอกต่อให้ทุกคนได้เลือกซื้อมาไว้ติดบ้านกัน เพราะถ้าอยู่บ้านมันเหงา เราก็มาหาอะไรสนุก ๆ ทำกันดีกว่าค่ะ !

อย่างที่บอกไปในช่วงแรกว่า หากดูเผิน ๆ เครื่องทำเครปของผู้ผลิตแทบทุกรายจะมีหน้าตาที่คล้ายกันไปหมด แล้วจะเลือกเครื่องทำเครปที่ถูกใจเราได้อย่างไรล่ะ ? เพื่อหาคำตอบของโจทย์นี้ รีบไปดูวิธีการเลือกกันเลยค่ะ

ข้อแรกคือประเภทเครื่องทำเครป ซึ่งส่วนใหญ่จะแบ่งเป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ “แบบเตา” และ “แบบพกพา” ซึ่งทั้ง 2 ประเภทนี้ ถือว่ามีผลต่อลักษณะของเครปและต้องเลือกใช้ให้ตรงกับสูตรต่าง ๆ รวมถึงวิธีการใช้งานก็ไม่เหมือนกัน อีกทั้งยังมีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น คุณควรเลือกประเภทที่เหมาะสมกับการใช้งานด้วยนะคะ

สำหรับใครที่ต้องการจะทำเครปเป็นจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว ขอแนะนำเครื่องทำเครปประเภท "เตา" เลยค่ะ เนื่องจากเครื่องประเภทนี้สามารถปรับระดับความร้อนให้สูงขึ้นได้เพราะใช้ร่วมกับแก๊ส จึงทำให้ความร้อนกระจายตามจุดต่าง ๆ บนเตาซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนอกจากจะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำเครปขนาดใหญ่ทานแล้ว ยังเหมาะกับการนำไปทำเครปขายเป็นอาชีพเสริมด้วยค่ะ


แต่ข้อควรระวังจากการกระจายความร้อนได้อย่างรวดเร็วนั้นก็คือ การเทแป้งในแต่ละครั้ง แป้งจะสุกและกรอบเร็วมาก ทำให้จำเป็นจะต้องใช้ความชำนาญในการเกลี่ยแป้งให้หนาสม่ำเสมอกัน ดังนั้น หากคุณเพิ่งเริ่มทำในช่วงแรก ๆ อาจจะต้องทำความคุ้นเคยกับการวนแป้งไประยะหนึ่งก่อน นอกจากนี้ เครื่องประเภทนี้มักมีขนาดใหญ่ คุณจึงควรเช็กให้ดีก่อนว่ามีพื้นที่จัดเก็บหรือไม่ค่ะ

สำหรับใครที่ต้องการพื้นที่ความสุขเล็ก ๆ สำหรับการทำขนม เราแนะนำให้เลือก “เครื่องทำเครปแบบพกพา” เพื่อช่วยให้การทำเครปมีความสะดวกและง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งประเภทนี้เหมาะสมกับมือใหม่อย่างยิ่ง โดยลักษณะเครื่องจะมีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน คือ แบบที่ใช้แก๊สหรือกระทะ และแบบที่ใช้ไฟฟ้าค่ะ


แบบกระทะนั้นจะมีข้อเสีย คือ ความร้อนมักจะกระจายไม่ทั่วถึง ทำให้แป้งสุกไม่เท่ากัน รวมถึงขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางส่วนใหญ่จะค่อนข้างเล็ก จึงต้องมีด้ามจับที่ผู้ใช้งานต้องถืออยู่ตลอดเวลา คุณจึงต้องระมัดระวังอันตรายระหว่างการใช้ด้วย นอกจากนี้ แม้ว่าแบบไฟฟ้าหลายรุ่นจะสามารถปรับอุณหภูมิได้ แต่บางครั้งความร้อนก็อาจกระจายไม่ทั่วถึง และส่วนใหญ่มักมีการเคลือบผิวหน้าเตา ทำให้เนื้อแป้งจะไม่ค่อยติด ส่งผลให้ในขณะเกลี่ยแป้งเครปนั้น เนื้อเครปก็จะเสียรูปง่ายได้ขึ้นด้วย


จะเห็นได้ว่า รูปแบบเหล่านี้ถึงแม้จะมีข้อดี คือ พกพาได้สะดวก แต่ก็มีจุดที่ต้องระวังขณะใช้งานอยู่ด้วยเช่นกัน ดังนั้น การเลือกใช้เครื่องทำเครปแบบพกพาจึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่อยากใช้ทำทานเองหรือใช้ทำทานภายในครอบครัวเป็นหลักนั่นเองค่ะ

หากคุณต้องการทำเครปขนาดเดียวกับที่ขายทั่วไปในร้านค้า แนะนำให้ใช้เครื่องทำเครปที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 30 cm ขึ้นไป เพราะคุณสามารถใส่ท็อปปิ้งและแต่งหน้าเครปได้ตามใจชอบ รวมถึงการที่แป้งเครปมีขนาดใหญ่ ทำให้พับหรือม้วนเครปได้ง่ายดายอีกด้วย


แต่ยิ่งเส้นผ่านศูนย์กลางมีขนาดใหญ่มากขึ้นเท่าไหร่ ไม้พายสำหรับเกลี่ยแป้งก็จะต้องมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นตามไปด้วย เพราะจะต้องเกลี่ยแป้งให้สม่ำเสมออย่างเร็วที่สุดก่อนที่แป้งจะเริ่มสุก อย่างไรก็ตาม หากคุณเน้นเรื่องความสะดวก หรืออยากจะทำเครปกันสนุก ๆ ภายในครอบครัว เราขอแนะนำเลือกให้ขนาดที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20 cm เพราะจะช่วยให้คุณทำเครปได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายยิ่งขึ้นค่ะ

อีกหนึ่งข้อสำคัญที่หลายคนมักจะใช้เป็นตัวเลือกในการซื้อเครื่องทำเครป คือ ฟังก์ชันการปรับอุณหภูมิ หรืออุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่อง เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นจุดที่บอกได้ว่า เครื่องทำเครปแต่ละเครื่องนั้นเหมาะกับเครปแบบไหนบ้าง เช่น ถ้าเป็นเครื่องที่มีอุณภูมิเฉลี่ยค่อนข้างสูง หมายถึง แป้งเครปที่ได้จะกรอบเร็วขึ้น หรือหากเป็นอุณหภูมิที่ไม่สูงมากนัก ก็จะได้แป้งเครปที่นิ่มขึ้น ซึ่งเหมาะกับการทำเครปเค้ก เป็นต้น


โดยประโยชน์ของฟังก์ชันการปรับอุณหภูมินั้น นอกจากจะควบคุมระดับความร้อนได้ง่ายแล้ว ยังสามารถรังสรรค์เมนูอร่อยได้หลากหลาก เช่น แพนเค้ก, โอโคโนมิยากิ, บ้าบิ่น, พิซซ่า หรือแม้แต่การปิ้งย่างค่ะ

มาถึงส่วนประกอบสำคัญอีกหนึ่งอย่างกันบ้าง นั่นก็คือ วัสดุที่ใช้ทำแผ่นเตา ซึ่งตรงนี้จะเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยนำและกระจายความร้อนไปยังแป้งเครป อีกทั้งยังส่งผลต่อราคาและความทนทานอีกด้วย โดยวัสดุที่ใช้ทำแผ่นเตานั้นจะมี 2 ประเภท คือ อะลูมิเนียมอัลลอย และสเตนเลสสตีลค่ะ

เมื่อพูดถึงอะลูมิเนียมอัลลอย (Aluminum Alloys) แน่นอนว่าข้อดีที่โดดเด่น คือ การนำความร้อนได้ดีเยี่ยม มีน้ำหนักเบา จึงเป็นวัสดุที่เหมาะกับการนำไปทำกระทะเคลือบ เทฟลอน (Teflon) เพราะหยิบจับได้ง่ายและไม่หนักมือ แต่ในทางกลับกัน วัสดุประเภทนี้ก็มีข้อเสีย คือ ไม่ค่อยมีความทนทานมากนักและทำให้ต้องซื้อเปลี่ยนบ่อย ๆ หากใช้เป็นประจำหรือต้องการใช้ในระยะยาวค่ะ

หากคุณต้องการวัสดุที่มีความแข็งแรง ใช้งานได้ยาวนาน ทนทานต่อการกัดกร่อน ต้องยกให้ สเตนเลสสตีล (Stainless Steel) หรือเหล็กกล้าไร้สนิมเลยค่ะ นอกจากมีความทนทานสูงแล้ว สเตนเลสสตีลยังสามารถนำความร้อนได้ดีด้วยเช่นกัน จึงทำให้แป้งเครปกรอบขึ้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ทว่าคุณสมบัติที่ดีเหล่านี้ก็มักจะมาพร้อมราคาที่สูงพอสมควร ดังนั้น หากใครที่ต้องการใช้งานเป็นครั้งคราว แนะนำให้เลือกแบบอะลูมิเนียมอัลลอยก็ถือว่าเพียงพอแล้วค่ะ

เมื่อเรามีเครื่องทำเครปกันแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ อุปกรณ์ผู้ช่วยต่าง ๆ ตามความถนัด เช่น ไม้พาย ที่แซะ หรือไม้ปาดหน้าเครป โดยสิ่งเหล่านี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในทันทีที่คุณหยอดแป้งเครปลงบนหน้าเตา ซึ่งผู้ผลิตส่วนใหญ่มักจะแถมอุปกรณ์เหล่านี้มากับตัวเครื่องอยู่แล้วค่ะ

แต่ถ้าหากไม่มีแถมมาให้ คุณก็สามารถไปเลือกซื้อมาใช้ได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะมีวางจำหน่ายอยู่ทั่วไปตามร้านเบเกอรี่ ซึ่งบางกรณีก็อาจไม่จำเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์ช่วยปาด เช่น ผู้ที่ใช้เครื่องทำเครปแบบกระทะ แต่อาจต้องใช้ทักษะในการร่อนแป้งบนกระทะแทนค่ะ

และแล้วก็มาถึง 10 อันดับเครื่องทำเครปยอดนิยม ที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ใช้มากมาย ซึ่งทั้ง 10 อันดับต่อไปนี้จะช่วยให้คุณได้ทำเมนูเครปที่น่าทานและเพิ่มความสนุกสนานของช่วงเวลาในการทำอาหารของเราได้มากขึ้น จะมียี่ห้อไหนบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ

เริ่มด้วยเตาทำเครปขนาดใหญ่รุ่นนี้กันก่อนเลยค่ะ ทั้งจุใจและทนทานสุด ๆ เพราะใช้แผ่นสเตนเลสที่มีความหนาถึง 8 mm พร้อมติดตั้งหัวแก๊สแรงดันต่ำแบบ C30 ซึ่งเปิด-ปิดได้ง่ายด้วยการหมุนพวงมาลัยและสามารถถอดเปลี่ยนได้ แถมชุดเปิด-ปิดนี้ยังทำมาจากทองเหลืองแท้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่ควรจุดเตาทิ้งไว้นาน หากไม่มีการใช้งาน เพราะความร้อนสะสมจะทำให้หน้าเตาโก่งตัวจนเสียรูปได้และควรหลีกเลี่ยงการใช้ในบริเวณที่มีลมแรงค่ะ

เอาใจคนที่ชอบเครปแผ่นใหญ่กันด้วยเครื่องทำเครปรุ่นนี้เลย เพราะมีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ถึง 40 cm ตามด้วยปุ่มหมุนปรับอุณหภูมิที่ปลั๊กเสียบได้ถึง 5 ระดับ แผ่นเตาเป็นวัสดุที่เคลือบด้หลายชั้น ได้แก่ วัสดุเคลือบกันติด, ผงเพชร, คริสตัล เป็นต้น รับรองเลยว่า เครปหรือเมนูอื่น ๆ ที่คุณทำนั้นจะไม่ติดกระทะอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ยังมีควันน้อย และทำความสะอาดได้ง่าย แต่เนื่องจากกำลังไฟที่สูงถึง 1,300W จึงอาจะต้องคำนึงถึงเรื่องค่าไฟด้วยค่ะ

สำหรับเครื่องทำเครปรุ่นนี้ มีจุดเด่นที่กำลังไฟ 900W ซึ่งกระจายความร้อนได้ดีเยี่ยม ช่วยทำให้แป้งเครปสุกได้เร็วมากขึ้น ภายใน 20 วินาทีเท่านั้น ! หน้าตัวเคลือบผิวด้วย เทฟลอน คุณภาพ ช่วยกันน้ำและทำให้อาหารไม่ติดค้างบนผิวเครื่อง ด้ามจับทำจากพลาสติกกันลื่น และมีปุ่มควบคุมการเปิด-ปิด อย่างไรก็ตาม การเทแป้งต้องอาศัยความชำนาญและความรวดเร็ว เพราะหากทำช้าก็จะทำให้เนื้อแป้งไม่สม่ำเสมอหรือสุกไม่เท่ากันได้ค่ะ

เติมเต็มความสนุกสนานในการทำเครปด้วยกระทะสีชมพูสุดสดใส ที่มีการเคลือบผิวลื่น (แบบ Non-Stick) ซึ่งช่วยทำให้เครปไม่ติดกระทะ ล้างทำความสะอาดได้ง่าย และประยุกต์ใช้ทำเมนูอื่นได้อย่างหลากหลาย โดยรุ่นนี้สามารถใช้ได้ทั้งเตาแก๊ส, เตาขดลวดไฟฟ้า, ฮีตเตอร์ และเตาแม่เหล็กไฟฟ้า ด้ามจับหุ้มด้วยพลาสติกซึ่งช่วยป้องกันการนำความร้อนได้ดี รวมถึงมีการเชื่อมด้ามที่แน่นหนาแข็งแรง ทำให้ใช้งานได้ยาวนานมากขึ้นด้วยค่ะ

กระทะก้นแบนจาก SARA รุ่นนี้ นอกจากจะมีความหนาพิเศษแล้ว ยังเคลือบด้วยหินอ่อนถึง 6 ชั้น ซึ่งทำให้หน้ากระทะทนทานต่อรอยขีดข่วน แม้จะนำความร้อนได้ค่อนข้างช้า แต่กระจายความร้อนได้อย่างสม่ำเสมอ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ด้ามจับยาว 18 cm ทำจากพลาสติก Bakelite ซึ่งมีคุณสมบัติทนต่อความร้อนสูงได้ดีและเป็นฉนวนไฟฟ้า นอกจากนี้ ก้นกระทะยังเสริมด้วยวัสดุพิเศษ ทำให้รองรับการใช้งานกับเตาแม่เหล็กไฟฟ้าได้และใช้ทำเมนูคาวหวานได้หลากหลายทีเดียวค่ะ

กระทะไฟฟ้าของ SKG รุ่นนี้ จะช่วยให้การทำเครปของคุณง่ายขึ้นไปอีกขั้น เพราะมีปุ่ม on/off ช่วยควบคุมการเปิด-ปิดกระทะ เพื่อความปลอดภัยอีกด้วย มีกำลังไฟสม่ำเสมออยู่ที่ 800W สามารถทำได้ทั้งเครปร้อนและเครปเย็น หน้ากระทะเคลือบด้วย เทฟลอน ทำให้เครปไม่ติดและช่วยให้เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย หรือจะเปลี่ยนไปใช้ทำเมนูอื่น ๆ อย่างการทอดไข่ดาวสำหรับมื้อเช้าก็ได้เช่นกันค่ะ

เครื่องทำเครปคุณภาพดีจากสเปนรุ่นนี้ ใช้กำลังไฟ 1,000W โดยสามารถปรับอุณหภูมิได้ 5 ระดับ กระจายความร้อนได้ทั่วถึงทุกจุด ทำความร้อนได้สูงสุดที่ 200 องศา หน้าเตาเคลือบผิวลื่นด้วย เทฟลอน ทำให้เครปไม่ไหม้ติดเตา ไม่ว่าจะเครปแบบกรอบ เครปเย็น หรือแพนเค้กก็ได้ ที่สำคัญ คือ ถอดล้างทำความสะอาดได้ง่าย นอกจากนี้ ยังมีปุ่ม on/off ควบคุมการเปิด-ปิด ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยเมื่อลืมถอดปลั๊กอีกด้วยค่ะ

กระทะรุ่นนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกระทะทำเครปคุณภาพเลยก็ว่าได้ เพราะผลิตจากอะลูมิเนียมหนา 2.5 mm เคลือบผิวลื่นความปลอดภัยสูงด้วย เทฟลอน 3 ชั้น มาตรฐานสหรัฐอเมริกา ซึ่งกระจายความร้อนได้เร็ว ง่ายต่อการล้างทำความสะอาด ด้ามจับทำจากสเตนเลสกันความร้อนพิเศษ ยึดด้วยหมุดย้ำแบบริเวท (Rivet) ซึ่งมีความแข็งแรงทนทาน อย่างไรก็ตาม กระทะรุ่นนี้สามารถใช้ได้กับเตาทุกชนิด ยกเว้นเตาแม่เหล็กไฟฟ้านะคะ

มาที่รุ่นยอดฮิตได้รับการบอกต่อกันบ้าง กับเครื่องทำเครปของ CASIKO ที่มีกำลังไฟสูงถึง 1,200W สามารถกระจายความร้อนได้เร็วอย่างทั่วถึง หน้าเตาเคลือบด้วย เทฟลอน ช่วยไม่ให้เครปติดเตา มีปุ่มควบคุมการเปิด-ปิดและหมุนปรับความร้อนได้ในตัว พร้อมไฟแสดงการทำงาน ใต้เครื่องมีช่องสำหรับเก็บสายไฟอัตโนมัติ แต่มีข้อเสีย คือ สายไฟค่อนข้างสั้น ทำให้จะต้องหาพื้นที่จัดวางเตาให้ใกล้ปลั๊กไฟที่สุด และใช้งานต่อเนื่องได้ไม่เกิน 2 ชม. ค่ะ

เครื่องทำเครปยอดฮิตรุ่นนี้ มีหน้าเตาเคลือบด้วย Non-Stick สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย ใช้กำลังไฟ 920W ซึ่งได้รับการการันตีว่า กระจายความร้อนได้เร็วและทั่วถึงทุกจุด โดยเครป 1 แผ่นใช้เวลาทำเพียง 3-5 นาทีเท่านั้น ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัด พกพาไปใช้นอกสถานที่ได้สบายมาก มีสวิตช์เปิด-ปิดที่หมุนปรับความร้อนได้ พร้อมสัญญาณไฟแสดงการทำงานและมีช่องเก็บสายไฟใต้เครื่องด้วย นอกจากจะนำไปทำเครปกรอบ เครปเย็น หรือแพนเค้กได้แล้ว ยังสามารถใช้ทำทองม้วน ขนมเบื้องและเมนูอื่น ๆ ได้อีกด้วยค่ะ

รู้หรือไม่ว่า นอกจากเครื่องทำเครปจะสามารถรังสรรค์เมนูเครปคาวหวานได้ตามใจเราแล้ว ยังนำไปใช้ประโยชน์ในการทำเมนูอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น แพนเค้ก โอโคโนมิยากิ หรือพิซซ่า เพราะความร้อนที่เตาส่วนใหญ่ทำได้นั้น อยู่ในระดับเดียวกันกับการอบขนมนั่นเองค่ะ


และนอกจากขนมหรือเมนูที่เกี่ยวกับแป้งแล้ว การนำเครื่องทำเครปไปใช้กับเมนูอาหารคาว ก็ทำได้ดีไม่แพ้กันอีกด้วย โดยส่วนใหญ่จะนิยมนำเตาเครปที่มีหน้ากว้างมาประยุกต์ใช้ ไม่ว่าจะนำไปทำสุกี้ ปิ้งย่าง หรือแม้แต่การย่างเนื้อสัตว์และเบคอน เรียกได้ว่าซื้อเพียงครั้งเดียวแต่ใช้งานได้คุ้มค่าจริง ๆ ค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับวิธีการเลือกเครื่องทำเครปที่น่าสนใจในครั้งนี้ เชื่อได้เลยว่า เทคนิคและข้อสังเกตต่าง ๆ จะช่วยให้การเลือกซื้อเครื่องทำเครปของคุณนั้นง่ายขึ้นไม่มากก็น้อย และจากการแนะนำทั้ง 10 อันดับไป หลายคนคงเห็นแล้วว่า ทั้งยี่ห้อและวัสดุแต่ละประเภทนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมในลำดับไหน หรือจะเป็นสินค้าที่ไม่อยู่ในลิสต์นี้ก็ตาม หากมีรูปแบบที่ตอบโจทย์และตรงตามความต้องการของคุณ ก็สามารถเลือกซื้อมาไว้ใช้สร้างสรรค์เมนูที่เราชื่นชอบได้ค่ะ

ในยุคที่เวลาเป็นเงินเป็นทอง ใคร ๆ ก็อยากทำภารกิจต่าง ๆ ให้เสร็จลุล่วงในเวลาอันรวดเร็ว โดยเฉพาะช่วงเช้าที่ต้องเร่งรีบไปทำงานให้ทัน หลายคนจึงเลือกทานอาหารเช้าแบบง่าย ๆ อย่าง “ขนมปังปิ้ง” คู่กับนม หรือกาแฟ แทบทุกบ้านจึงต้องมีเครื่องปิ้งขนมปังติดห้องครัวไว้เลย แต่สังเกตกันไหมคะว่า ถึงแม้อุปกรณ์ชิ้นนี้จะได้รับความนิยมแค่ไหน แต่ในอินเทอร์เน็ตกลับแทบไม่มีข้อมูลแนะนำกันเลย ถ้าใครอยากรู้ก็ต้องไปตั้งกระทู้ถามกันเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก แถมข้อมูลก็ไม่ค่อยจะครบถ้วนเท่าไหร่ด้วย

เพื่อแก้ปัญหาตรงนี้ให้ทุกบ้าน วันนี้ทีมงานของเราจึงไปรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับทุกคนมาให้โดยเฉพาะเลยค่ะ ตัวเนื้อหาจะแยกออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ “วิธีการเลือกเครื่องปิ้งขนมปัง” ในแบบที่เข้าใจง่าย ๆ ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เชิงเทคนิคก็ทำตามได้ และ “10 อันดับเครื่องปิ้งขนมปัง” ที่น่าสนใจ ซึ่งได้ผ่านการเปรียบเทียบทั้งจากคุณสมบัติ รีวิว รวมไปถึงราคามาให้ทุกคนได้ศึกษากัน ณ บทความนี้ค่ะ
ก่อนจะมาเจอบทความนี้ เพื่อน ๆ มีวิธีการเลือกอย่างไรบ้างคะ? เชื่อว่าหลายคนคงเน้นหารีวิวตามอินเทอร์เน็ต หรือไม่ก็เลือกซื้อจากแบรนด์ที่ตัวเองคุ้นชิน โดยซื้อรุ่นที่คุณสมบัติตอบโจทย์และมีราคาเหมาะสมมากที่สุดกันใช่ไหมล่ะคะ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า “ยี่ห้อนั้นหรือรุ่นนั้นดีจริง?” ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยดูรุ่นอื่น และที่สำคัญ “ยังไม่รู้วิธีการเลือกที่ถูกต้องเลย” ว่าจะตอบโจทย์การใช้งานของบ้านตัวเองหรือไม่ ไม่ต้องห่วงค่ะ เราเตรียมข้อมูลมาแชร์ให้อ่านพร้อมทางด้านล่างนี้เลย
สิ่งแรกที่อยากให้ทุกคนตรวจสอบกันก่อนที่จะเลือกซื้อเครื่องปิ้งขนมปังก็คือ ‘จำนวนช่องใส่ขนมปัง’ นั่นเองค่ะ โดยส่วนใหญ่แล้ว เครื่องปิ้งขนมปังจะมีทั้งหมด 2 ช่อง ซึ่งหมายถึง สามารถปิ้งขนมปังทีละ 2 แผ่นได้พร้อมกันในครั้งเดียว แต่ก็ยังมีเครื่องที่มีเพียงช่องเดียวอยู่เหมือนกัน
ถ้าจะซื้อไว้สำหรับใช้ในครอบครัวล่ะก็ ขอแนะนำให้เลือกประเภทที่มี 2 ช่องหรือมากกว่า แต่สำหรับใครที่อยู่หอ หรืออยู่อพาร์ทเม้นท์คนเดียวแนะนำให้ใช้แบบ 1 ช่องเพราะจะได้ไม่เปลืองพื้นและยังเป็นการประหยัดไฟอีกด้วยค่ะ
นอกจากนี้ ต้องห้ามลืมคำนึงถึง “ความหนาของแผ่นขนมปัง” ที่ตัวเองทานอยู่เป็นประจำด้วยนะคะ เพราะถ้าปกติคุณเป็นคนชอบทานขนมปังแผ่นหนา แต่ซื้อเครื่องที่มีช่องแคบเกินไป สุดท้ายก็ต้องเสียเวลามานั่งสไลด์ขนมปังให้บางลงอีก ในทางตรงกันข้าม ถ้าคุณชอบทานแผ่นบาง แต่ใช้เครื่องปิ้งแบบแผ่นหนา ก็อาจจะได้ความกรอบที่ไม่สม่ำเสมอกัน แถมยังเปลืองพื้นจัดวาง เพราะเครื่องมีขนาดใหญ่เกินความจำเป็นด้วยค่ะ
เครื่องปิ้งขนมปังแต่ละรุ่นแต่ละแบรนด์นั้นก็จะมีความสามารถในการทำงานที่แตกต่างกันไป ถ้าเลือกซื้อเครื่องที่มีฟังก์ชันเข้ากับไลฟ์สไตล์ของเราแล้วละก็ การใช้ชีวิตของในแต่ละวันของทุกคนก็จะสะดวกขึ้นมากอย่างแน่นอนค่ะ
หลายครั้งหลายคราที่เราก็ทานขนมปังกันไม่ทัน ดันหมดอายุเสียก่อน โดยเฉพาะเวลาที่เผลอวางไว้ที่อุณหภูมิห้อง หลายคนจึงเลือกเก็บขนมปังไว้ในช่องฟรีซแทนเพื่อถนอมระยะเวลาเก็บให้อยู่ได้นานขึ้น ฉะนั้น เวลาเลือกซื้อเครื่องจึงควรดูด้วยว่ามีระบบ Defrost หรือละลายน้ำแข็งหรือไม่ เพราะรุ่นเหล่านี้จะสามารถปิ้งขนมปังให้คุณได้ แม้เพิ่งหยิบออกมาจากช่องฟรีซก็ตาม แถมยังให้รสชาติดีกว่าปล่อยให้น้ำแข็งละลายเองอีกด้วยค่ะ
เมื่อคุณมีเครื่องปิ้งที่ดีแล้ว การซื้อขนมปังแผ่นที่ทำสด ๆ จากร้านเบเกอร์รี่ที่คุณชื่นชอบมาเก็บไว้ก็ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป เพราะคุณสามารถยืดอายุของพวกมันและปิ้งทานได้อีกครั้ง โดยได้รสชาติที่หอมกรุ่นเหมือนออกมาจากเตาใหม่ ๆ เลยค่ะ
ใครที่ชอบทานขนมปังคงอยากได้เครื่องที่สามารถอุ่นขนมปังได้หลายชนิดกันใช่ไหมคะ ไม่ว่าจะเป็นเบเกิ้ลหรือครัวซอง แต่ถ้าใช้เครื่องปิ้งรุ่นทั่วไปก็คงจะทำอย่างนั้นไม่ได้ ด้วยความลึกของช่องที่จำกัด ดังนั้น ขอแนะนำให้เลือกซื้อรุ่นที่มี Lift Function ซึ่งจะมีช่องปิ้งที่มีลักษณะยกขึ้นได้ การใช้งานจึงค่อนข้างยืดหยุ่นและหลากหลาย
ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังสามารถอุ่นของทอดทั้งหมด เช่น ปลาหรือไก่ได้อีกด้วย โดยที่ยังคงรสชาติไว้ได้แบบดั้งเดิม ไม่นิ่มหรือแข็งไปเหมือนอย่างตอนใช้ไมโครเวฟค่ะ
หลายคนอาจคิดว่าเครื่องปิ้งขนมปังนั้นไม่สามารถปรับตั้งค่าได้ตามใจเหมือนอย่างเตาอบ แต่ด้วยนวัตกรรมสมัยใหม่นี้ เครื่องปิ้งที่สามารถเลือกระดับความร้อนให้ตรงตามความต้องการของเราได้ก็มีวางจำหน่ายอยู่เหมือนกันค่ะ
ไม่ว่าคุณจะอยากได้ ขนมปังที่ไหม้นิด ๆ แบบกำลังดี หรือขอแบบสีเหลืองอ่อน ๆ ก็พอ จะสามารถทำได้ง่าย ๆ เลย แค่เลือกใช้เครื่องที่สามารถปรับเพิ่ม-ลดระดับความร้อนในการปิ้งได้ตามความชอบ ยิ่งสำหรับครอบครัวใหญ่แล้ว ฟังก์ชันนี้จะเป็นประโยชน์มาก ๆ อย่างแน่นอน เพราะแต่ละคนจะต้องการความกรอบของขนมปังไม่เท่ากัน
เครื่องปิ้งขนมปังเปรียบเสมือนของเล่นสำหรับเด็ก ๆ ชิ้นนึงเลยค่ะ ด้วยดีไซน์ที่กดเล่นได้ แถมยังมีขนมปังเด้งออกมาเมื่อปิ้งเสร็จ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้เด็กกันเลยทีเดียว ดังนั้น บ้านไหนที่มีเด็กเล็ก แนะนำให้ซื้อรุ่นที่มีระบบล็อกเครื่องด้วย เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานและกับตัวเครื่องใช้ไฟฟ้าเอง อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ารุ่นนั้น ๆ จะมีระบบความปลอดภัยแค่ไหน ก็ต้องอย่าลืมเก็บซ่อนให้ลับตาจากเด็ก ๆ ด้วยนะคะ
เนื่องจากเครื่องปิ้งขนมปังเป็นสิ่งที่ต้องใช้แทบจะทุกวัน หลายบ้านจึงมักนำออกมาวางทิ้งไว้บนโต๊ะอาหารหรือบนเคาน์เตอร์ครัว ถ้าคุณเป็นหนึ่งในนั้นล่ะก็ หากเป็นไปได้ เราขอแนะนำให้คุณเลือกใช้เครื่องปิ้งแบบมีฝาปิดเลยค่ะ
เพราะการวางเครื่องทิ้งไว้ข้างนอกอยู่ตลอดนั้น มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะมีเศษฝุ่น เศษผง หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ตกลงไปในตัวเครื่อง ซึ่งบางอย่างอาจทานเข้าไปแล้วเป็นอันตรายได้ และถึงแม้ว่าการใช้ผ้ามาคลุมไว้จะช่วยป้องกันได้เหมือนกัน แต่ถ้าเรานำผ้ามาคลุมทันทีที่ใช้เสร็จ ก็มีความเสี่ยงที่ตัวผ้าอาจติดไฟเป็นสาเหตุให้เกิดไฟไหม้ได้ เพื่อความลอดภัย แนะนำให้หลาย ๆ บ้านหันมาสนใจเลือกเครื่องแบบที่มีฝาปิดกัน น่าจะดีกว่า แถมเครื่องแบบมีฝาปิดที่ออกแบบมาในปัจจุบัน ก็ดูดีดูทันสมัยอยู่มากมายหลายรุ่นเลยค่ะ
ก่อนที่หลาย ๆ คนจะซื้อโดยไม่ทันคิด เราขอแนะนำอย่างยิ่งให้ตรวจสอบขนาดของเครื่องให้แน่ใจก่อนว่าสามารถจัดวางกับพื้นที่ที่คุณตระเตรียมไว้หรือไม่ เพราะบางเครื่องอาจมีขนาดใหญ่เกินไป เมื่อนำไปวางบนโต๊ะจะสร้างความเกะกะรกสายตา หรือไม่สามารถจัดเก็บในตู้ได้ นอกจากนี้ ยังมีปัญหาไซซ์สำหรับคนซื้อทางออนไลน์ด้วย เพราะความขนาดจริงใหญ่กว่าในรูป ยิ่งบ้านไหนที่มีพื้นที่จำกัด ก็ควรเช็กเรื่องขนาดกันให้ดีก่อนเลยค่ะ
เครื่องปิ้งขนมปังเป็นสิ่งที่เราใช้ประกอบอาหารแทบจะทุกวัน ความสะอาดจึงเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงมากที่สุดเช่นกัน เพราะทุกครั้งที่เราปิ้งขนมปังก็จะต้องมีเศษของขนมปังร่วงหล่นออกมาอยู่ตลอด แนะนำให้มองหาเครื่องปิ้งที่มีถาดรองด้านล่าง ที่คุณสามารถดึงถาดออกมาเทหรือทำความสะอาดเศษขนมปังได้อย่างง่าย ๆ นอกจากนี้ ต้องอย่าลืมหมั่นใช้ผ้าชุบน้ำด้านนอกให้สะอาดโดยถอดปลั๊กให้เรียบร้อยก่อนด้วยทุกครั้งนะคะ
แถมท้ายให้ด้วย ข้อดีของการใช้เครื่องปิ้งขนมปัง ซึ่งข้อดีนั้นจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการที่จะได้รับประทานขนมปังแสนอร่อยกรอบ ร้อนและหอมกรุ่นได้ในเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากเป็นการให้ความร้อนในเวลาสั้น ๆ จึงทำให้ขนมปังที่ได้มีผิวหน้ากรุบกรอบ แต่ยังคงความนุ่มของเนื้อขนมปังอยู่ภายใน เหมาะสำหรับมื้อเช้าที่ดีในเวลาที่เร่งรีบมาก ๆ เลยค่ะ
นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับเตาอบแล้ว เจ้าเครื่องปิ้งขนมปังนี้มีขนาดเล็กกว่ามาก เมื่อซื้อมาแล้วก็ไม่ต้องมานั่งปวดหัวเลยว่าจะนำไปวางตรงไหนเพราะไม่ได้ใช้พื้นที่อะไรมากมาย แถมรุ่นในปัจจุบันที่วางขายกันยังมีดีไซน์ภายนอกที่ดูดีทันสมัย สามารถใช้ตกแต่งห้องครัวให้โมเดิร์นไปพร้อมกันได้ง่าย ๆ เลยค่ะ สรุปแล้ว ให้ทั้งความอร่อยแบบสะดวกรวดเร็ว ประหยัดเวลา ประหยัดพื้นที่และดีเลิศครบทุกฟังก์ชันการใช้งานอย่างนี้ บ้านไหนไม่มีไม่ได้แล้วล่ะค่ะ!
ทุกคนคงเห็นแล้วว่า การเลือกซื้อเครื่องปิ้งขนมปังสักเครื่องนั้นมีอะไรมากกว่าที่คิดเยอะเลย แต่ก็ไม่ได้ยุ่งยากจนเกินไปใช่ไหมล่ะคะ อย่างไรก็ตาม อย่าลืมพิจารณาควบคู่ไปกับข้อมูลของสินค้าต่าง ๆ ที่น่าสนใจด้านล่างนี้ด้วยนะคะ เพื่อเป็นไอเดียในการตัดสินใจ แต่อย่าลืมว่า ควรเลือกรุ่นที่ตอบโจทย์กับการใช้งานของบ้านเรา มากกว่ายึดตามอันดับอย่างเดียว
รุ่นนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยสำหรับคนมีงบจำกัดอย่างน้อง ๆ นักเรียนนักศึกษาเลยคะ เพราะมีราคาแบบเป็นมิตรสุด ๆ แม้จะมีดีไซน์ที่ดูเรียบ ๆ แต่สามารถใช้งานง่ายด้วยปุ่มปรับระดับความร้อนได้ถึง 7 ระดับ มาพร้อมฟังก์ชัน High Lift ช่วยยกขนมปังขึ้น ทำให้การใช้งานสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีขนาดกะทัดรัดและกำลังไฟไม่เยอะ ตอบโจทย์คนที่อยู่คนเดียวได้ดีเลยค่ะ

คนส่วนใหญ่ที่ซื้อไปค่อนข้างพึงพอใจ บอกว่าเร่งความร้อนได้ไวดี แต่ขณะปิ้งครั้งแรกจะมีกลิ่นค่อนข้างแรงนะคะ ต้องใช้งานไปเรื่อย ๆ ปัญหานี้ถึงหายไป อย่างไรก็ตาม ถ้าเทียบกับราคาแล้ว ถือว่าคุ้มค่ากับฟังก์ชันที่ได้มาค่ะ
รุ่นนี้ไม่ได้มีดีแค่ราคานะคะ คุณสมบัติการใช้งานของเค้าก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะทำจากวัสดุสเตนเลสทนทาน เสริมพลาสติกแบบหนา ใช้งานได้ยาวนาน พร้อมควบคุมความร้อนได้ 7 ระดับ และมีดีไซน์พิเศษให้ด้านข้างไม่ร้อน และมีระบบตัดไฟอัตโนมัติ จึงเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน มาพร้อมดีไซน์สวย สีสันสดใส ดูใหม่อยู่เสมอ

ผู้ที่ซื้อใช้จริงชื่นชอบฟังก์ชันที่มีช่องระบายความร้อนด้านล่าง ปลอดภัยต่อการใช้งาน แต่เสียงสปริงดีดเมื่อขนมปังสุกอาจจะดังไปสักนิดและแรงไปหน่อย อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาเท่านี้ ถือว่าคุ้มค่าทีเดียวค่ะ
เริ่มต้นกันด้วยแบรนด์ที่หลายคนรู้จักกันดี เพราะมีคุณภาพและราคาเป็นกันเอง โดยรุ่นนี้มีช่องใส่ขนมปัง 2 ช่อง ทั้งขนาดบางและหนา ไม่ว่าคุณชอบทานแบบใดก็สามารถปิ้งได้ พร้อมมีหลายฟังก์ชันที่น่าสนใจ เช่น ฟังก์ชันละลายน้ำแข็ง, ระบบ High Lift ยกขนมปังขึ้น และระบบหยุดการทำงานของเครื่องทันที อีกทั้งยังสามารถปรับความร้อนได้ถึง 7 ระดับ ช่วยให้คุณกำหนดความไหม้กรอบได้ตามใจ

หลายคนที่ใช้รุ่นนี้ต่างบอกว่าใช้งานง่ายและยังมีฝาปิดป้องกันฝุ่น ช่วยรักษาความสะอาดของเครื่องได้ดี แถมยังมีถาดรองเศษขนมปังให้ด้วย ถือว่าตอบโจทย์ครบทุกการใช้งานเลยค่ะ
มาที่แบรนด์ดังในเรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้ามายาวนานอย่าง SHARP ด้วยช่องปิ้งขนมปัง 2 ช่องมาตรฐาน เหมาะกับการปิ้งช่องละแผ่น โดยสามารถปรับความร้อนได้ถึง 7 ระดับ แถมมีฟังก์ชันหยุดการทำงานทันทีและมีถาดรองเศษขนมปังที่สามารถถอดไปทิ้งได้ ช่วยรักษาความสะอาดให้กับเครื่องอย่างง่ายดาย นอกจากนี้ ยังมีช่องเก็บสายไฟใต้เครื่องเพื่อเพิ่มความสะดวกในการจัดเก็บ

หลายคนที่ซื้อใช้จริงรีวิวไว้ว่าสินค้าใช้งานได้มีคุณภาพสมเป็นแบรนด์เก่าแก่ สามารถปิ้งขนมได้เร็ว ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาที่ย่อมเยาแล้ว ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย น้อง ๆ นักเรียนนักศึกษาที่อยู่หอเอาไว้พิจารณาได้เลย
อีกหนึ่งรุ่นที่มาพร้อมราคาย่อมเยา แต่มีฟังก์ชันเสริมตามมาตรฐานครบครัน ทั้งปรับความร้อนได้ถึง 7 ระดับ ฟังก์ชันละลายน้ำแข็งและปุ่มยกเลิกการทำงานขณะปิ้ง พร้อมถาดรองเศษขนมปังจึงสามารถถอดออกมาล้างทำความสะอาดได้ง่าย เสริมด้วยไฟแสดงสถานะการทำงานของเครื่องขณะใช้งาน ถือว่าตอบโจทย์ครอบครัวเล็ก ๆ ได้ทั้งครอบครัวเล็กและใหญ่เลยค่ะ

หลายคนที่ได้ลองใช้ต่างชื่นชอบเพราะราคาน่ารักแต่ตอบโจทย์เรื่องคุณภาพได้อย่างดี แม้จะไม่ครอบคลุมทุกชนิดของขนมปัง ใครที่เน้นปิ้งแต่ขนมปังแผ่นอย่างเดียวก็ถือว่าคุ้มค่าทีเดียวค่ะ
ใครที่ตามหาเครื่องปิ้งขนมปังมีฟังก์ชันครบครัน แต่มีขนาดเล็กกะทัดรัดไม่เกะกะโต๊ะทานข้าวหรือห้องครัว รุ่นนี้น่าสนใจทีเดียว เพราะมีฟังก์ชันอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้ง High Lift ช่วยยกขนมปังขึ้น, Defrost ละลายน้ำแข็ง, ควบคุมความร้อนได้ถึง 7 ระดับ และสามารถยกเลิกการทำงานขณะปิ้งได้ทันที นอกจากนี้ ยังมีถาดรองเศษขนมปังที่ถอดออกไปทำความสะอาดได้อย่างสะดวก

หลายคนต่างชื่นชอบในประสิทธิภาพของเครื่อง เพราะใช้งานง่าย ร้อนเร็ว วัสดุแข็งแรงคงทนทำให้ใช้งานได้นาน แถมยังมีดีไซน์สวยทันสมัย เรียกว่าคุ้มค่าแก่การลงทุนเลยค่ะ
รุ่นนี้มีช่องใส่ขนมปัง 2 ช่อง ที่ปรับศูนย์กลางได้อัตโนมัติ พร้อมกำหนดระดับความร้อนได้ถึง 7 ระดับ รวมไปถึงฟังก์ชันอุ่นและละลายน้ำแข็ง อีกทั้งยังมีไฟบอกสถานะการทำงานและปุ่มยกเลิกขณะปิ้ง ส่วนใครที่ชอบทานขนมปังครัวซองหรือซื้อขนมปังมาเก็บใส่ตู้เย็นไว้ย่างทานตอนเช้าก็ไม่ต้องห่วง เพราะมีตะแกรงย่างขนมปังในตัว แถมยังมีถาดรองเศษขนมปังที่ถอดทำความสะอาดได้อีกด้วย

หลายเสียงตอบรับของรุ่นนี้บอกว่า พึงพอใจเพราะใช้งานง่าย และตัวเครื่องทำจากวัสดุแข็งแรงคงทน มีสีและดีไซน์ทันสมัยไม่ซ้ำใคร และที่หลายคนชอบคือ มีฝาปิดที่ช่วยรักษาความสะอาดได้เป็นอย่างดี แต่ขนาดอาจจะใหญ่ไปสักเล็กน้อย
อีกหนึ่งรุ่นยอดฮิตที่โดดเด่นด้วยขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก และมาในราคาย่อมเยา พร้อมคุณสมบัติครบ ใช้งานง่ายด้วยปุ่มควบคุมความร้อน 7 ระดับ มาพร้อมฟังก์ชันยกเลิกการทำงาน ทำจากวัสดุสเตนเลสที่นอกจากจะแข็งแรงทนทานต่อการใช้งานแล้ว ยังให้ความร้อนได้ทั่วถึงอีกด้วย มีถาดรองเศษขนมปังให้พร้อมเพื่อความสะดวกในการใช้งาน

จากเสียงของผู้ที่ใช้จริงต่างบอกว่าสินค้าคุณภาพคุ้มราคา เพราะใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน ปิ้งขนมปังได้เหลืองกรอบพอดี ส่วนวัสดุแข็งแรงและทนทาน น่าสนใจทีเดียวสำหรับครอบครัวเล็กหรือคนที่อยู่คนเดียวค่ะ
รุ่นนี้โชว์จุดเด่นด้วยดีไซน์สวยหรูก่อนเลย ตามมาด้วยฟังก์ชันที่ล้ำกว่าใคร เพราะมีช่องปิ้งสำหรับใส่ขนมปังแผ่นหนาได้และสามารถปรับอุณหภูมิความร้อนได้ตามใจถึง 8 ระดับ ทั้งยังมีฟังก์ชันละลายน้ำแข็งและ High Lift ที่ช่วยให้ใช้งานสะดวกขึ้น เสริมความพิเศษด้วยตะแกรงสำหรับอุ่นขนมปังด้านบน เหมาะกับคนที่ชอบทานขนมปังหลายชนิด โรลก็ได้ ครัวซองก็ดี ที่สำคัญ มีระบบตัดไฟอัตโนมัติเพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรเสริมด้วยค่ะ

จากรีวิวของผู้ที่ใช้จริง ต่างชื่นชอบในวัสดุที่แข็งแรง พร้อมประสิทธิภาพในการปิ้งที่สามารถเร่งความร้อนได้เร็ว เสียงไม่ดัง ยิ่งดูระดับราคาแล้วถือว่าคุ้มค่าสุด ๆ ไปเลยค่ะ
มาถึงรุ่นยอดฮิตที่ชาวเน็ตซื้อกันไปแบบถล่มทลาย โดยรุ่นนี้พิเศษด้วยตะแกรงย่างขนมปังในตัว มีช่องใส่กว้าง และมาพร้อมฟังก์ชันอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งควบคุมความร้อนได้ถึง 7 ระดับ, Defrost ละลายน้ำแข็ง, การอุ่นขนมปัง และปุ่มหยุดทำงานขณะปิ้ง เพิ่มเติมด้วยถาดรองเศษขนมปังที่สามารถถอดทำความสะอาดได้ง่าย ทำจากพลาสติกหนาคุณภาพดี ตัวเครื่องไม่ร้อนในขณะใช้งาน

ผู้ที่ใช้จริงต่างติดใจในคุณภาพที่ดีเหมาะสมกับราคา ใช้งานง่าย ปิ้งแผ่นเล็ก-ใหญ่ได้และใช้เวลาปิ้งไม่นาน ทั้งยังค่อนข้างทนทาน แถมยังมีที่เก็บสายไฟใต้เครื่องเพื่อเพิ่มความสะดวกในการจัดเก็บ ดีไซน์สวย คุณภาพครบ ราคาเหมาะเจาะแบบนี้ สมกับเป็นที่ 1 เลยค่ะ
ใครที่ต้องการความสะดวกในตอนเช้าที่เร่งรีบ อย่าลืมเก็บ “เครื่องปิ้งขนมปัง” เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของคุณกันนะคะ เพราะนอกจากจะช่วยปิ้งขนมปังแผ่นร้อน ๆ ที่หอมกรุ่นและชวนรับประทานแล้ว บางรุ่นยังอุ่นขนมปังประเภทอื่น ๆ ได้อีกด้วย ถือเป็นไอเทมที่ใช้งานได้หลายอย่างและคุ้มค่ามากทีเดียว โดยเราควรเลือกซื้อรุ่นที่มีช่องปิ้งพอเหมาะและมีฟังก์ชันอื่น ๆ ที่เอื้อต่อการใช้งานของเรามากที่สุดนะคะ
เมื่อพูดถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แน่นอนว่าต้องทำงานด้วยไฟฟ้า อย่างเครื่องปิ้งขนมปังเองก็ต้องเสียบปลั๊กถึงจะทำงานได้ และยิ่งเช้าวันไหนเร่งรีบมาก ๆ บางคนอาจลืมถอดปลั๊กได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องอันตรายมากเลยนะคะ เพราะไฟฟ้าอาจลัดวงจรจนเกิดไฟไหม้ได้ ก่อนออกจากบ้านทุกครั้งจึงควรเช็กให้ถี่ถ้วนด้วยนะคะ