ตู้แช่แข็ง powerbuy ยี่ห้อไหนที่คุณควรซื้อ ที่สุดในปี 2024
สุดยอดตู้แช่แข็ง powerbuyราคาพิเศษ ดูรายละเอียด เครื่องปิ้งขนมปัง Toaster Top PowerBuy รุ่นE007 คุณลักษณะ ของสินค้าก่อนซื้อ ว่าเป็นไปตามความต้องการสูงสุดของคุณหรือไม่ คุณภาพ คัดสรรสินค้ามาให้เลือกครบทุกประเภท พร้อมรับราคาพิเศษสำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อโดยเฉพาะ
คุณรู้หรือไม่ ? นอกจากตู้แช่แข็ง powerbuy มีเรื่องที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้ออีกมากมายไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ สี ขนาด ราคา วัสดุที่ใช้และน้ำหนักซึ่งปั จจัยเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความชอบและลักษณะ ซึ่งมีทั้ง เครื่องปิ้งขนมปัง Toaster Top PowerBuy รุ่นE007 และการใช้ของแต่ละบุคคล ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหา ตู้แช่แข็ง powerbuy วันนี้ทางเราได้จัด 1 อันดับตู้แช่แข็ง powerbuyยี่ห้อดีต่อใจมาให้คุณแล้ว!
บทสรุป
รีวิวตู้แช่แข็ง powerbuyหวังว่าสินค้าชิ้นนี้ จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดีสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าตัวช่วยประหยัดเวลาในชั่วโมงเร่งรีบ
ปัญหารถติดเป็นปัญหาหลักสำหรับผู้ที่ใช้ชิวิตอยู่ในกรุงเทพฯ หากพักอยู่ใกล้ ๆ ที่ทำงาน อยากเดินทางแบบชิว ๆ จะทำยังไงได้บ้าง จะให้เดินหรือปั่นจักรยานไปถึงที่ออฟฟิศคงจะได้อาบน้ำกันใหม่อีกรอบ เพราะอากาศของประเทศไทยร้อนเหมือนซ้อมตกนรก แต่ถ้าให้พึ่งพี่วินก็เสี่ยงกับชีวิตเหลือเกิน พี่วินบางคนก็ขี่รถเหมือนออกมาจาก Fast & Furious เฉี่ยวกระจกรถยนต์บ้างหล่ะ หรือฝ่าไฟแดงบ้างหล่ะ ต้องคอยลุ้นว่าวันนี้จะไปถึงที่ทำงานไหม แต่ว่าด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นทุกวัน สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจึงเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทาง ด้วยขนาดที่เล็กกระทัดรัด น้ำหนักเบา และสามารถพับได้ คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้คุณสามารถนำ สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ขึ้นรถไฟฟ้าหรือรถขนส่งสาธารณะได้อย่างสะดวก สบาย และยังมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่จะทำให้คุณไม่ต้องเหนื่อย พร้อมระบบต่าง ๆ ที่ช่วยเหลือคุณให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น แต่มือใหม่อย่างเราจะเลือกซื้อ Scooter ไฟฟ้าอย่างไรดี เราจึงรวบรวมวิธีเลือกสกูตเตอร์ไฟฟ้ามาฝากกันเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนเลือกซื้อกัน
วิธีเลือกซื้อสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าต้องดูอะไรบ้าง ?
1. น้ำหนักของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า
ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อสกูตเตอร์ไฟฟ้า คือ น้ำหนักเพราะมันมีผลต่อความสะดวกในการพกพาจริง ๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานอีกด้วย เนื่องจาก Scooter ไฟฟ้าไม่สามารถพาใช้ได้บนทุกเส้นทางในเมืองหลวงและสภาพถนนไม่เอื้อกับการใช้สกูตเตอร์ไฟฟ้าสักเท่าไร ฉะนั้นเราอาจจำเป็นต้องแบกสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าในบางสถานการณ์ เช่น ขึ้นไฟฟ้า หรือขึ้นรถเมล์ ดังนั้นน้ำหนักของสกูตเตอร์ไฟฟ้าจึงเป็นปัจจัยลำดับแรก ๆ ที่เราควรคำนึงถึง แต่ถ้าใครที่คิดจะเอามาใช้แค่ขี่เล่นในหมู่บ้าน ขี่ไปซื้อของที่ร้านปากซอยหรือ 7-Eleven ก็อาจจะไม่ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องน้ำหนักมาก เลือกตามสไตล์ที่ชอบได้เลย
2. ระยะในการใช้งานต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
อย่างที่เรารู้กันว่า Scooter ไฟฟ้า เป็นอุปกรณ์ช่วยอำนวยความสะดวกได้เป็นอย่างดีในเวลาเร่งรีบ ซึ่งหากเราต้องใช้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าในการเดินทางทุกวัน แบตเตอร์รี่ของสกูตเตอร์ไฟฟ้าจึงเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่เราควรเลือก นอกจากนี้แล้วควรคำนึงถึงระยะเวลาชาร์จต่อ 1 ครั้งใช้เวลาเท่าไร เพื่อให้สะดวกต่อการใช้ในครั้งต่อไป บางยี่ห้อจะมีคุณสมบัติพิเศษตรงที่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ ซึ่งก็จะช่วยให้เพิ่มระยะทางในการเดินทางได้ด้วย แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการที่ต้องแบกน้ำหนักแบตเตอรี่เพิ่มด้วยเช่นกัน (น้ำหนักแบตเตอรี่เสริมโดยปกติจะที่ประมาณ 1 กิโลกรัมกว่า ๆ)
3. มอเตอร์ไฟฟ้า
มอเตอร์ไฟฟ้าและขนาดของล้อควรมีขนาดที่เข้ากันพอดี เพราะหากมอเตอร์ไฟฟ้ามีขนาดใหญ่กว่าและล้อสกูตเตอร์ไฟฟ้าแบบรวมศูนย์กลางเล็กกว่า เมื่อนำไปใช้งาน จะพบว่าเกิดการลื่นไถลได้ง่าย ซึ่งถือว่าอันตรายมาก ขนาดของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ควรใช้เพื่อความปลอดภัยคือ 250W แต่อาจจะเป็นปัญหาเมื่อต้องปีนขึ้นทางลาดชัน สกูตเตอร์ไฟฟ้าที่มีมอเตอร์ขนาด 350W-450W เป็นขนาดมาตรฐาน แต่ผู้ผลิตได้ค้นพบที่จะทำให้มอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลังแรงขึ้นด้วยแพคเกจขนาดเล็กกว่า นั่นคือการขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้าที่สูงเท่ากับ 1000 วัตต์ ด้วยมอเตอร์ฮับแบบล้อเดียวที่มีขนาด 10 นิ้ว
4. ความสูงของแฮนด์ต้องอยู่ในระดับที่พอดี
ลองจินตนาการดูว่า คุณต้องยืนทรงตัวอยู่บนสกู๊ตเตอร์นานขนาดไหน หากต้องใช้มันเดินทางวันละ 5 กิโลเมตร หรือประมาณ 5-8 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในขณะที่เจ้ายานพาหนะสองล้อนี้ทำความเร็วได้ประมาณ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงควรเลือกสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ซับพอร์ตสรีระเราได้ด้วย เทคนิคง่าย ๆ เริ่มจากไปทดลองใช้งานจริงที่ร้านก่อนตัดสินใจซื้อ โดยเลือกคันที่มีระดับความสูงของแฮนด์พอดีกับความสูงของเรา และปรับความสูงขึ้นลงได้หลายระดับ เวลาขับขี่จะได้ไม่ต้องก้มหรือโก่งหลังมากเกินไป ที่สำคัญการไปลองขี่ด้วยตัวเองจริง ๆ จะช่วยให้เลือกเจ้าสองล้อคู่ใจได้ง่ายขึ้นด้วย
5. ขนาดของล้อสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า
ข้อนี้อาจจะไม่ได้อยู่ในเกณฑ์การพิจารณาของผู้ใช้งานหลาย ๆ ท่าน แต่ขนาดของล้อถือเป็นปัจจัยสำคัญอีกข้อหนึ่ง ซึ่งมันเป็นตัวกำหนดน้ำหนักของสกูตเตอร์ไฟฟ้า ความปลอดภัยในการขับขี่ และความสบายในการขับขี่ สำหรับการใช้งานบนท้องถนนในเมือง ควรเลือกคันที่มาพร้อมล้อขนาด 8 นิ้วขึ้นไป เพราะล้อไซส์นี้สามารถเคลื่อนผ่านหลุมขนาดเล็ก เนิน ลูกระนาด หรือพื้นต่างระดับที่ไม่สูงนักได้ดี ช่วยให้ยังทรงตัวและควบคุมทิศทางได้อยู่ ส่วนล้อขนาด 5-6 นิ้ว จะเหมาะกับการใช้เดินทางในหมู่บ้าน หรือใช้เดินทางในตึกและอาคารมากกว่า
6. การพับเก็บที่สะดวกต่อการขนย้าย
ใครที่คิดจะซื้อสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเพื่อใช้เชื่อมการเดินทาง การพับได้เป็นเรื่องสำคัญมาก เราจะเห็นหลาย ๆ แบรนด์พยายามชูจุดขายที่การมีที่นั่งในตัว แต่แบบนั้นทำให้พับเก็บค่อนข้างยาก แต่ก็มีบางยี่ห้อที่พับเก็บได้ เช่น Urban-E เป็นต้น ปกติแล้ว Scooter ไฟฟ้า มันจะถูกออกแบบมาให้กดสลักครั้งเดียวแล้วพับได้เลย หากพับเก็บยากและใช้เวลาพับเก็บนาน อาจจะทำให้คุณเสียเวลา แล้วตกรถไฟขบวน BTS หรือรถเมล์ได้ ดังนั้นต้องเช็คให้ดีก่อนเลือกซื้อ
7. สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารุ่นไหนก็ขี่ตอนฝนตกหนักไม่ได้
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ ไม่ได้ออกแบบมาให้กันน้ำจริงจัง มันกันน้ำกระเซ็นได้ ขี่ตอนฝนตกปรอย ๆ พอไหว แต่ถ้าฝนตกหนัก หรือมีน้ำท่วมขัง แนะนำให้งดขี่ได้เลย ยิ่งถ้าเป็นฤดูฝนนี่ควรพับเก็บไว้ในบ้าน หากเอาออกมาขี่เล่น MV กลางสายฝน Scooter ไฟฟ้าตัวโปรดอาจจะเจ๊งได้ ส่วนพื้นผิวที่เหมาะสำหรับการขับขี่สกูตเตอร์ไฟฟ้าคือ พื้นผิวแข็ง ๆ ประมาณนึง ถ้าไปเจอดินร่วน ๆ ดินแฉะ ๆ หรือ พื้นกรวดที่เต็มไปด้วยกรวดและเศษหิน ไม่เหมาะอย่างยิ่ง พื้นดินลูกรังเลี่ยงได้ควรเลี่ยงเช่นกัน
เช็คสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ราคาล่าสุด
- Self Balancing Scooters 7 นิ้ว สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ราคา 2,522 บาท
- Mini Segway Hoverboard สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ราคา 2,969 บาท
- Easybike 520 Self Balancing Scooters สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ราคา 3,359 บาท
- Self Balancing Scooters 10 นิ้ว สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ราคา 3,499 บาท
*สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
จบไปแล้วสำหรับวิธีการเลือกสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า เหตุผลหลักในการเลือกซื้ออยู่ที่จุดประสงค์ในการใช้ หากต้องการ Scooter ไฟฟ้า เอาไว้ขี่เล่นใกล้ ๆ บ้านก็ไม่ต้องคำนึงเรื่องน้ำหนัก แบตเตอรี่ หรือการพับเก็บมาก แต่ผู้ที่ต้องการใช้เอาไว้เดินทางในเมืองอย่างจริงจัง ก็ควรคำนึงถึงปัจจัยข้างต้นก่อนซื้อ เพราะหากซื้อมาแล้วไม่ตรงตามกับสเปคที่อยากได้ อาจต้องเสียเงินเปล่าโดยใช่เหตุ สำหรับผู้ที่ต้องชื่นชอบกีฬาเอ็กซ์ตรีม เราก็มีสินค้าอย่าง จักรยาน จักรยานไฟฟ้า สเก็ตบอร์ด และอื่น ๆ อีกมากมาย ติดตามข่าวสาร โปรโมชั่น ส่วนลดต่าง ๆ ได้ที่ iPrice Thailand เว็บไซต์เปรียบเทียบราคาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
พ่อบ้านแม่บ้านคนไหนที่กำลังมองหากิจกรรมยามว่างในช่วงเวลาที่ต้องพักผ่อนอยู่บ้านแบบนี้ การมี "เครื่องทำเครป" สักเครื่องติดบ้านไว้ก็คงจะช่วยแก้เบื่อได้ดีทีเดียว เพราะนอกจากเจ้าเครื่องนี้จะสามารถทำเครปได้ง่ายดายและน่ารับประทานแล้ว ยังนำไปประยุกต์ทำแพนเค้กหรือโอโคโนมิยากิ (พิซซ่าญี่ปุ่น) ได้อีกด้วย
แต่จะว่าไปแล้ว ถึงแม้จะเป็นเครื่องใช้ในครัวที่ดูเหมือนไม่มีอะไรพิเศษ แต่รู้หรือไม่คะว่า องค์ประกอบบางอย่างของเครื่องทำเครปก็ส่งผลต่อหน้าตาและความน่าทานของเครปได้ด้วย ดังนั้น ทางทีมงานจึงไม่พลาดที่จะพาผู้อ่านไปเจาะลึกเทคนิคการเลือกเครื่องทำเครปที่ถูกใจ แถมด้วย 10 อันดับเครื่องทำเครปยอดฮิตที่ต้องบอกต่อให้ทุกคนได้เลือกซื้อมาไว้ติดบ้านกัน เพราะถ้าอยู่บ้านมันเหงา เราก็มาหาอะไรสนุก ๆ ทำกันดีกว่าค่ะ !
อย่างที่บอกไปในช่วงแรกว่า หากดูเผิน ๆ เครื่องทำเครปของผู้ผลิตแทบทุกรายจะมีหน้าตาที่คล้ายกันไปหมด แล้วจะเลือกเครื่องทำเครปที่ถูกใจเราได้อย่างไรล่ะ ? เพื่อหาคำตอบของโจทย์นี้ รีบไปดูวิธีการเลือกกันเลยค่ะ
ข้อแรกคือประเภทเครื่องทำเครป ซึ่งส่วนใหญ่จะแบ่งเป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ “แบบเตา” และ “แบบพกพา” ซึ่งทั้ง 2 ประเภทนี้ ถือว่ามีผลต่อลักษณะของเครปและต้องเลือกใช้ให้ตรงกับสูตรต่าง ๆ รวมถึงวิธีการใช้งานก็ไม่เหมือนกัน อีกทั้งยังมีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น คุณควรเลือกประเภทที่เหมาะสมกับการใช้งานด้วยนะคะ
สำหรับใครที่ต้องการจะทำเครปเป็นจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว ขอแนะนำเครื่องทำเครปประเภท "เตา" เลยค่ะ เนื่องจากเครื่องประเภทนี้สามารถปรับระดับความร้อนให้สูงขึ้นได้เพราะใช้ร่วมกับแก๊ส จึงทำให้ความร้อนกระจายตามจุดต่าง ๆ บนเตาซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนอกจากจะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำเครปขนาดใหญ่ทานแล้ว ยังเหมาะกับการนำไปทำเครปขายเป็นอาชีพเสริมด้วยค่ะ
แต่ข้อควรระวังจากการกระจายความร้อนได้อย่างรวดเร็วนั้นก็คือ การเทแป้งในแต่ละครั้ง แป้งจะสุกและกรอบเร็วมาก ทำให้จำเป็นจะต้องใช้ความชำนาญในการเกลี่ยแป้งให้หนาสม่ำเสมอกัน ดังนั้น หากคุณเพิ่งเริ่มทำในช่วงแรก ๆ อาจจะต้องทำความคุ้นเคยกับการวนแป้งไประยะหนึ่งก่อน นอกจากนี้ เครื่องประเภทนี้มักมีขนาดใหญ่ คุณจึงควรเช็กให้ดีก่อนว่ามีพื้นที่จัดเก็บหรือไม่ค่ะ
สำหรับใครที่ต้องการพื้นที่ความสุขเล็ก ๆ สำหรับการทำขนม เราแนะนำให้เลือก “เครื่องทำเครปแบบพกพา” เพื่อช่วยให้การทำเครปมีความสะดวกและง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งประเภทนี้เหมาะสมกับมือใหม่อย่างยิ่ง โดยลักษณะเครื่องจะมีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน คือ แบบที่ใช้แก๊สหรือกระทะ และแบบที่ใช้ไฟฟ้าค่ะ
แบบกระทะนั้นจะมีข้อเสีย คือ ความร้อนมักจะกระจายไม่ทั่วถึง ทำให้แป้งสุกไม่เท่ากัน รวมถึงขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางส่วนใหญ่จะค่อนข้างเล็ก จึงต้องมีด้ามจับที่ผู้ใช้งานต้องถืออยู่ตลอดเวลา คุณจึงต้องระมัดระวังอันตรายระหว่างการใช้ด้วย นอกจากนี้ แม้ว่าแบบไฟฟ้าหลายรุ่นจะสามารถปรับอุณหภูมิได้ แต่บางครั้งความร้อนก็อาจกระจายไม่ทั่วถึง และส่วนใหญ่มักมีการเคลือบผิวหน้าเตา ทำให้เนื้อแป้งจะไม่ค่อยติด ส่งผลให้ในขณะเกลี่ยแป้งเครปนั้น เนื้อเครปก็จะเสียรูปง่ายได้ขึ้นด้วย
จะเห็นได้ว่า รูปแบบเหล่านี้ถึงแม้จะมีข้อดี คือ พกพาได้สะดวก แต่ก็มีจุดที่ต้องระวังขณะใช้งานอยู่ด้วยเช่นกัน ดังนั้น การเลือกใช้เครื่องทำเครปแบบพกพาจึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่อยากใช้ทำทานเองหรือใช้ทำทานภายในครอบครัวเป็นหลักนั่นเองค่ะ
หากคุณต้องการทำเครปขนาดเดียวกับที่ขายทั่วไปในร้านค้า แนะนำให้ใช้เครื่องทำเครปที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 30 cm ขึ้นไป เพราะคุณสามารถใส่ท็อปปิ้งและแต่งหน้าเครปได้ตามใจชอบ รวมถึงการที่แป้งเครปมีขนาดใหญ่ ทำให้พับหรือม้วนเครปได้ง่ายดายอีกด้วย
แต่ยิ่งเส้นผ่านศูนย์กลางมีขนาดใหญ่มากขึ้นเท่าไหร่ ไม้พายสำหรับเกลี่ยแป้งก็จะต้องมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นตามไปด้วย เพราะจะต้องเกลี่ยแป้งให้สม่ำเสมออย่างเร็วที่สุดก่อนที่แป้งจะเริ่มสุก อย่างไรก็ตาม หากคุณเน้นเรื่องความสะดวก หรืออยากจะทำเครปกันสนุก ๆ ภายในครอบครัว เราขอแนะนำเลือกให้ขนาดที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20 cm เพราะจะช่วยให้คุณทำเครปได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายยิ่งขึ้นค่ะ
อีกหนึ่งข้อสำคัญที่หลายคนมักจะใช้เป็นตัวเลือกในการซื้อเครื่องทำเครป คือ ฟังก์ชันการปรับอุณหภูมิ หรืออุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่อง เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นจุดที่บอกได้ว่า เครื่องทำเครปแต่ละเครื่องนั้นเหมาะกับเครปแบบไหนบ้าง เช่น ถ้าเป็นเครื่องที่มีอุณภูมิเฉลี่ยค่อนข้างสูง หมายถึง แป้งเครปที่ได้จะกรอบเร็วขึ้น หรือหากเป็นอุณหภูมิที่ไม่สูงมากนัก ก็จะได้แป้งเครปที่นิ่มขึ้น ซึ่งเหมาะกับการทำเครปเค้ก เป็นต้น
โดยประโยชน์ของฟังก์ชันการปรับอุณหภูมินั้น นอกจากจะควบคุมระดับความร้อนได้ง่ายแล้ว ยังสามารถรังสรรค์เมนูอร่อยได้หลากหลาก เช่น แพนเค้ก, โอโคโนมิยากิ, บ้าบิ่น, พิซซ่า หรือแม้แต่การปิ้งย่างค่ะ
มาถึงส่วนประกอบสำคัญอีกหนึ่งอย่างกันบ้าง นั่นก็คือ วัสดุที่ใช้ทำแผ่นเตา ซึ่งตรงนี้จะเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยนำและกระจายความร้อนไปยังแป้งเครป อีกทั้งยังส่งผลต่อราคาและความทนทานอีกด้วย โดยวัสดุที่ใช้ทำแผ่นเตานั้นจะมี 2 ประเภท คือ อะลูมิเนียมอัลลอย และสเตนเลสสตีลค่ะ
เมื่อพูดถึงอะลูมิเนียมอัลลอย (Aluminum Alloys) แน่นอนว่าข้อดีที่โดดเด่น คือ การนำความร้อนได้ดีเยี่ยม มีน้ำหนักเบา จึงเป็นวัสดุที่เหมาะกับการนำไปทำกระทะเคลือบ เทฟลอน (Teflon) เพราะหยิบจับได้ง่ายและไม่หนักมือ แต่ในทางกลับกัน วัสดุประเภทนี้ก็มีข้อเสีย คือ ไม่ค่อยมีความทนทานมากนักและทำให้ต้องซื้อเปลี่ยนบ่อย ๆ หากใช้เป็นประจำหรือต้องการใช้ในระยะยาวค่ะ
หากคุณต้องการวัสดุที่มีความแข็งแรง ใช้งานได้ยาวนาน ทนทานต่อการกัดกร่อน ต้องยกให้ สเตนเลสสตีล (Stainless Steel) หรือเหล็กกล้าไร้สนิมเลยค่ะ นอกจากมีความทนทานสูงแล้ว สเตนเลสสตีลยังสามารถนำความร้อนได้ดีด้วยเช่นกัน จึงทำให้แป้งเครปกรอบขึ้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ทว่าคุณสมบัติที่ดีเหล่านี้ก็มักจะมาพร้อมราคาที่สูงพอสมควร ดังนั้น หากใครที่ต้องการใช้งานเป็นครั้งคราว แนะนำให้เลือกแบบอะลูมิเนียมอัลลอยก็ถือว่าเพียงพอแล้วค่ะ
เมื่อเรามีเครื่องทำเครปกันแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ อุปกรณ์ผู้ช่วยต่าง ๆ ตามความถนัด เช่น ไม้พาย ที่แซะ หรือไม้ปาดหน้าเครป โดยสิ่งเหล่านี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในทันทีที่คุณหยอดแป้งเครปลงบนหน้าเตา ซึ่งผู้ผลิตส่วนใหญ่มักจะแถมอุปกรณ์เหล่านี้มากับตัวเครื่องอยู่แล้วค่ะ
แต่ถ้าหากไม่มีแถมมาให้ คุณก็สามารถไปเลือกซื้อมาใช้ได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะมีวางจำหน่ายอยู่ทั่วไปตามร้านเบเกอรี่ ซึ่งบางกรณีก็อาจไม่จำเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์ช่วยปาด เช่น ผู้ที่ใช้เครื่องทำเครปแบบกระทะ แต่อาจต้องใช้ทักษะในการร่อนแป้งบนกระทะแทนค่ะ
และแล้วก็มาถึง 10 อันดับเครื่องทำเครปยอดนิยม ที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ใช้มากมาย ซึ่งทั้ง 10 อันดับต่อไปนี้จะช่วยให้คุณได้ทำเมนูเครปที่น่าทานและเพิ่มความสนุกสนานของช่วงเวลาในการทำอาหารของเราได้มากขึ้น จะมียี่ห้อไหนบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ
เริ่มด้วยเตาทำเครปขนาดใหญ่รุ่นนี้กันก่อนเลยค่ะ ทั้งจุใจและทนทานสุด ๆ เพราะใช้แผ่นสเตนเลสที่มีความหนาถึง 8 mm พร้อมติดตั้งหัวแก๊สแรงดันต่ำแบบ C30 ซึ่งเปิด-ปิดได้ง่ายด้วยการหมุนพวงมาลัยและสามารถถอดเปลี่ยนได้ แถมชุดเปิด-ปิดนี้ยังทำมาจากทองเหลืองแท้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่ควรจุดเตาทิ้งไว้นาน หากไม่มีการใช้งาน เพราะความร้อนสะสมจะทำให้หน้าเตาโก่งตัวจนเสียรูปได้และควรหลีกเลี่ยงการใช้ในบริเวณที่มีลมแรงค่ะ
เอาใจคนที่ชอบเครปแผ่นใหญ่กันด้วยเครื่องทำเครปรุ่นนี้เลย เพราะมีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ถึง 40 cm ตามด้วยปุ่มหมุนปรับอุณหภูมิที่ปลั๊กเสียบได้ถึง 5 ระดับ แผ่นเตาเป็นวัสดุที่เคลือบด้หลายชั้น ได้แก่ วัสดุเคลือบกันติด, ผงเพชร, คริสตัล เป็นต้น รับรองเลยว่า เครปหรือเมนูอื่น ๆ ที่คุณทำนั้นจะไม่ติดกระทะอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ยังมีควันน้อย และทำความสะอาดได้ง่าย แต่เนื่องจากกำลังไฟที่สูงถึง 1,300W จึงอาจะต้องคำนึงถึงเรื่องค่าไฟด้วยค่ะ
สำหรับเครื่องทำเครปรุ่นนี้ มีจุดเด่นที่กำลังไฟ 900W ซึ่งกระจายความร้อนได้ดีเยี่ยม ช่วยทำให้แป้งเครปสุกได้เร็วมากขึ้น ภายใน 20 วินาทีเท่านั้น ! หน้าตัวเคลือบผิวด้วย เทฟลอน คุณภาพ ช่วยกันน้ำและทำให้อาหารไม่ติดค้างบนผิวเครื่อง ด้ามจับทำจากพลาสติกกันลื่น และมีปุ่มควบคุมการเปิด-ปิด อย่างไรก็ตาม การเทแป้งต้องอาศัยความชำนาญและความรวดเร็ว เพราะหากทำช้าก็จะทำให้เนื้อแป้งไม่สม่ำเสมอหรือสุกไม่เท่ากันได้ค่ะ
เติมเต็มความสนุกสนานในการทำเครปด้วยกระทะสีชมพูสุดสดใส ที่มีการเคลือบผิวลื่น (แบบ Non-Stick) ซึ่งช่วยทำให้เครปไม่ติดกระทะ ล้างทำความสะอาดได้ง่าย และประยุกต์ใช้ทำเมนูอื่นได้อย่างหลากหลาย โดยรุ่นนี้สามารถใช้ได้ทั้งเตาแก๊ส, เตาขดลวดไฟฟ้า, ฮีตเตอร์ และเตาแม่เหล็กไฟฟ้า ด้ามจับหุ้มด้วยพลาสติกซึ่งช่วยป้องกันการนำความร้อนได้ดี รวมถึงมีการเชื่อมด้ามที่แน่นหนาแข็งแรง ทำให้ใช้งานได้ยาวนานมากขึ้นด้วยค่ะ
กระทะก้นแบนจาก SARA รุ่นนี้ นอกจากจะมีความหนาพิเศษแล้ว ยังเคลือบด้วยหินอ่อนถึง 6 ชั้น ซึ่งทำให้หน้ากระทะทนทานต่อรอยขีดข่วน แม้จะนำความร้อนได้ค่อนข้างช้า แต่กระจายความร้อนได้อย่างสม่ำเสมอ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ด้ามจับยาว 18 cm ทำจากพลาสติก Bakelite ซึ่งมีคุณสมบัติทนต่อความร้อนสูงได้ดีและเป็นฉนวนไฟฟ้า นอกจากนี้ ก้นกระทะยังเสริมด้วยวัสดุพิเศษ ทำให้รองรับการใช้งานกับเตาแม่เหล็กไฟฟ้าได้และใช้ทำเมนูคาวหวานได้หลากหลายทีเดียวค่ะ
กระทะไฟฟ้าของ SKG รุ่นนี้ จะช่วยให้การทำเครปของคุณง่ายขึ้นไปอีกขั้น เพราะมีปุ่ม on/off ช่วยควบคุมการเปิด-ปิดกระทะ เพื่อความปลอดภัยอีกด้วย มีกำลังไฟสม่ำเสมออยู่ที่ 800W สามารถทำได้ทั้งเครปร้อนและเครปเย็น หน้ากระทะเคลือบด้วย เทฟลอน ทำให้เครปไม่ติดและช่วยให้เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย หรือจะเปลี่ยนไปใช้ทำเมนูอื่น ๆ อย่างการทอดไข่ดาวสำหรับมื้อเช้าก็ได้เช่นกันค่ะ
เครื่องทำเครปคุณภาพดีจากสเปนรุ่นนี้ ใช้กำลังไฟ 1,000W โดยสามารถปรับอุณหภูมิได้ 5 ระดับ กระจายความร้อนได้ทั่วถึงทุกจุด ทำความร้อนได้สูงสุดที่ 200 องศา หน้าเตาเคลือบผิวลื่นด้วย เทฟลอน ทำให้เครปไม่ไหม้ติดเตา ไม่ว่าจะเครปแบบกรอบ เครปเย็น หรือแพนเค้กก็ได้ ที่สำคัญ คือ ถอดล้างทำความสะอาดได้ง่าย นอกจากนี้ ยังมีปุ่ม on/off ควบคุมการเปิด-ปิด ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยเมื่อลืมถอดปลั๊กอีกด้วยค่ะ
กระทะรุ่นนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกระทะทำเครปคุณภาพเลยก็ว่าได้ เพราะผลิตจากอะลูมิเนียมหนา 2.5 mm เคลือบผิวลื่นความปลอดภัยสูงด้วย เทฟลอน 3 ชั้น มาตรฐานสหรัฐอเมริกา ซึ่งกระจายความร้อนได้เร็ว ง่ายต่อการล้างทำความสะอาด ด้ามจับทำจากสเตนเลสกันความร้อนพิเศษ ยึดด้วยหมุดย้ำแบบริเวท (Rivet) ซึ่งมีความแข็งแรงทนทาน อย่างไรก็ตาม กระทะรุ่นนี้สามารถใช้ได้กับเตาทุกชนิด ยกเว้นเตาแม่เหล็กไฟฟ้านะคะ
มาที่รุ่นยอดฮิตได้รับการบอกต่อกันบ้าง กับเครื่องทำเครปของ CASIKO ที่มีกำลังไฟสูงถึง 1,200W สามารถกระจายความร้อนได้เร็วอย่างทั่วถึง หน้าเตาเคลือบด้วย เทฟลอน ช่วยไม่ให้เครปติดเตา มีปุ่มควบคุมการเปิด-ปิดและหมุนปรับความร้อนได้ในตัว พร้อมไฟแสดงการทำงาน ใต้เครื่องมีช่องสำหรับเก็บสายไฟอัตโนมัติ แต่มีข้อเสีย คือ สายไฟค่อนข้างสั้น ทำให้จะต้องหาพื้นที่จัดวางเตาให้ใกล้ปลั๊กไฟที่สุด และใช้งานต่อเนื่องได้ไม่เกิน 2 ชม. ค่ะ
เครื่องทำเครปยอดฮิตรุ่นนี้ มีหน้าเตาเคลือบด้วย Non-Stick สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย ใช้กำลังไฟ 920W ซึ่งได้รับการการันตีว่า กระจายความร้อนได้เร็วและทั่วถึงทุกจุด โดยเครป 1 แผ่นใช้เวลาทำเพียง 3-5 นาทีเท่านั้น ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัด พกพาไปใช้นอกสถานที่ได้สบายมาก มีสวิตช์เปิด-ปิดที่หมุนปรับความร้อนได้ พร้อมสัญญาณไฟแสดงการทำงานและมีช่องเก็บสายไฟใต้เครื่องด้วย นอกจากจะนำไปทำเครปกรอบ เครปเย็น หรือแพนเค้กได้แล้ว ยังสามารถใช้ทำทองม้วน ขนมเบื้องและเมนูอื่น ๆ ได้อีกด้วยค่ะ
รู้หรือไม่ว่า นอกจากเครื่องทำเครปจะสามารถรังสรรค์เมนูเครปคาวหวานได้ตามใจเราแล้ว ยังนำไปใช้ประโยชน์ในการทำเมนูอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น แพนเค้ก โอโคโนมิยากิ หรือพิซซ่า เพราะความร้อนที่เตาส่วนใหญ่ทำได้นั้น อยู่ในระดับเดียวกันกับการอบขนมนั่นเองค่ะ
และนอกจากขนมหรือเมนูที่เกี่ยวกับแป้งแล้ว การนำเครื่องทำเครปไปใช้กับเมนูอาหารคาว ก็ทำได้ดีไม่แพ้กันอีกด้วย โดยส่วนใหญ่จะนิยมนำเตาเครปที่มีหน้ากว้างมาประยุกต์ใช้ ไม่ว่าจะนำไปทำสุกี้ ปิ้งย่าง หรือแม้แต่การย่างเนื้อสัตว์และเบคอน เรียกได้ว่าซื้อเพียงครั้งเดียวแต่ใช้งานได้คุ้มค่าจริง ๆ ค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับวิธีการเลือกเครื่องทำเครปที่น่าสนใจในครั้งนี้ เชื่อได้เลยว่า เทคนิคและข้อสังเกตต่าง ๆ จะช่วยให้การเลือกซื้อเครื่องทำเครปของคุณนั้นง่ายขึ้นไม่มากก็น้อย และจากการแนะนำทั้ง 10 อันดับไป หลายคนคงเห็นแล้วว่า ทั้งยี่ห้อและวัสดุแต่ละประเภทนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมในลำดับไหน หรือจะเป็นสินค้าที่ไม่อยู่ในลิสต์นี้ก็ตาม หากมีรูปแบบที่ตอบโจทย์และตรงตามความต้องการของคุณ ก็สามารถเลือกซื้อมาไว้ใช้สร้างสรรค์เมนูที่เราชื่นชอบได้ค่ะ
เพื่อแก้ปัญหาตรงนี้ให้ทุกบ้าน วันนี้ทีมงานของเราจึงไปรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับทุกคนมาให้โดยเฉพาะเลยค่ะ ตัวเนื้อหาจะแยกออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ “วิธีการเลือกเครื่องปิ้งขนมปัง” ในแบบที่เข้าใจง่าย ๆ ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เชิงเทคนิคก็ทำตามได้ และ “10 อันดับเครื่องปิ้งขนมปัง” ที่น่าสนใจ ซึ่งได้ผ่านการเปรียบเทียบทั้งจากคุณสมบัติ รีวิว รวมไปถึงราคามาให้ทุกคนได้ศึกษากัน ณ บทความนี้ค่ะ
คนส่วนใหญ่ที่ซื้อไปค่อนข้างพึงพอใจ บอกว่าเร่งความร้อนได้ไวดี แต่ขณะปิ้งครั้งแรกจะมีกลิ่นค่อนข้างแรงนะคะ ต้องใช้งานไปเรื่อย ๆ ปัญหานี้ถึงหายไป อย่างไรก็ตาม ถ้าเทียบกับราคาแล้ว ถือว่าคุ้มค่ากับฟังก์ชันที่ได้มาค่ะ
ผู้ที่ซื้อใช้จริงชื่นชอบฟังก์ชันที่มีช่องระบายความร้อนด้านล่าง ปลอดภัยต่อการใช้งาน แต่เสียงสปริงดีดเมื่อขนมปังสุกอาจจะดังไปสักนิดและแรงไปหน่อย อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาเท่านี้ ถือว่าคุ้มค่าทีเดียวค่ะ
หลายคนที่ใช้รุ่นนี้ต่างบอกว่าใช้งานง่ายและยังมีฝาปิดป้องกันฝุ่น ช่วยรักษาความสะอาดของเครื่องได้ดี แถมยังมีถาดรองเศษขนมปังให้ด้วย ถือว่าตอบโจทย์ครบทุกการใช้งานเลยค่ะ
หลายคนที่ซื้อใช้จริงรีวิวไว้ว่าสินค้าใช้งานได้มีคุณภาพสมเป็นแบรนด์เก่าแก่ สามารถปิ้งขนมได้เร็ว ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาที่ย่อมเยาแล้ว ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย น้อง ๆ นักเรียนนักศึกษาที่อยู่หอเอาไว้พิจารณาได้เลย
หลายคนที่ได้ลองใช้ต่างชื่นชอบเพราะราคาน่ารักแต่ตอบโจทย์เรื่องคุณภาพได้อย่างดี แม้จะไม่ครอบคลุมทุกชนิดของขนมปัง ใครที่เน้นปิ้งแต่ขนมปังแผ่นอย่างเดียวก็ถือว่าคุ้มค่าทีเดียวค่ะ
หลายคนต่างชื่นชอบในประสิทธิภาพของเครื่อง เพราะใช้งานง่าย ร้อนเร็ว วัสดุแข็งแรงคงทนทำให้ใช้งานได้นาน แถมยังมีดีไซน์สวยทันสมัย เรียกว่าคุ้มค่าแก่การลงทุนเลยค่ะ
หลายเสียงตอบรับของรุ่นนี้บอกว่า พึงพอใจเพราะใช้งานง่าย และตัวเครื่องทำจากวัสดุแข็งแรงคงทน มีสีและดีไซน์ทันสมัยไม่ซ้ำใคร และที่หลายคนชอบคือ มีฝาปิดที่ช่วยรักษาความสะอาดได้เป็นอย่างดี แต่ขนาดอาจจะใหญ่ไปสักเล็กน้อย
จากเสียงของผู้ที่ใช้จริงต่างบอกว่าสินค้าคุณภาพคุ้มราคา เพราะใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน ปิ้งขนมปังได้เหลืองกรอบพอดี ส่วนวัสดุแข็งแรงและทนทาน น่าสนใจทีเดียวสำหรับครอบครัวเล็กหรือคนที่อยู่คนเดียวค่ะ
จากรีวิวของผู้ที่ใช้จริง ต่างชื่นชอบในวัสดุที่แข็งแรง พร้อมประสิทธิภาพในการปิ้งที่สามารถเร่งความร้อนได้เร็ว เสียงไม่ดัง ยิ่งดูระดับราคาแล้วถือว่าคุ้มค่าสุด ๆ ไปเลยค่ะ
ผู้ที่ใช้จริงต่างติดใจในคุณภาพที่ดีเหมาะสมกับราคา ใช้งานง่าย ปิ้งแผ่นเล็ก-ใหญ่ได้และใช้เวลาปิ้งไม่นาน ทั้งยังค่อนข้างทนทาน แถมยังมีที่เก็บสายไฟใต้เครื่องเพื่อเพิ่มความสะดวกในการจัดเก็บ ดีไซน์สวย คุณภาพครบ ราคาเหมาะเจาะแบบนี้ สมกับเป็นที่ 1 เลยค่ะ