ชุดปฐมพยาบาล ไทย
รับส่วนลดสูงสุด 90% เมื่อซื้อ ชุดปฐมพยาบาล ที่ iprice คุ้มค่าคุ้มราคาต้องที่นี่ที่เดียวเท่านั้น แม้ เวชภัณฑ์/ชุดปฐมพยาบาล จะมีสินค้ายอดนิยมมากมาย แต่ 3M หน้ากากอนามัย รุ่น Aura 9320A, 3M หน้ากากอนามัย N95 และ 3M หน้ากากอนามัย รุ่น 9322 อาจจะตรงใจและเหมาะกับคุณที่สุดก็เป็นได้ แน่นอนว่าแบรนด์ขึ้นชื่อเมื่อเลือกช้อป ชุดปฐมพยาบาล 3M, Giffarine(กิฟฟารีน) และ Giffarine คือแบรนด์ยอดนิยมที่อยู่ในลิสต์ของเหล่านักช้อป ซื้อ ชุดปฐมพยาบาล ออนไลน์ได้ในราคา 19 บาท-106,774 บาท บาท เพื่อเป็นเจ้าของในราคาถูกกว่าใคร ชุดปฐมพยาบาล สีพื้น ๆ อย่างสี หลากสีสัน, สีแดง และ สีเหลือง เป็นสีที่ฮอตฮิตมาก ๆ ในปัจจุบัน
เพราะอากาศเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของเราทุกคน ซึ่งแน่นอนว่าคุณภาพอากาศจึงเป็นหัวข้อสำคัญที่ผู้คนทั่วโลกต่างให้ความสนใจ โดยจากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษชี้ให้เห็นว่าฝุ่นขนาดเล็กที่แฝงมากับอากาศรอบตัวเราในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งในที่สาธารณะหรือในที่ทำงาน นั้นมีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจรวมไปถึงก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพมากเกินกว่าที่เราคาดคิด
แต่ด้วยในยุคที่เทคโนโลยีมีความล้ำสมัย ทำให้มีการวิวัฒนาการหน้ากากที่เราคุ้นเคยไปเป็นหน้ากากกรองฝุ่นที่มีคุณสมบัติเพื่อจัดการกับปัญหามลภาวะโดยเฉพาะ และในวันนี้ทีมงานจึงได้คัดสรรหน้ากากกรองฝุ่นยอดนิยมมาให้ผู้อ่านได้ใช้ประกอบการตัดสินใจ โดยมาจากผู้ผลิตหลายรายไม่ว่าจะเป็น 3M , YAMADA , RespoKare , PangoCare ฯลฯ ที่นอกจากจะได้รับการรองรับมาตรฐานในกรองฝุ่นแล้ว ยังมีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์และมีเทคนิคที่น่าสนใจแฝงอยู่ด้วย
สำหรับการเลือกหน้ากากกันฝุ่นนั้นถือเป็นหัวข้อใหญ่ที่มีความสำคัญเพราะเกี่ยวกับสุขภาพของเราโดยตรง ดังนั้นก่อนการเลือกซื้อจึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาสักนิดเพื่อทำความเข้าใจคุณสมบัติต่าง ๆ เสียก่อนเพื่อให้เราได้ประโยชน์และช่วยลดอันตรายจากมลภาวะให้ได้มากที่สุด
หน้ากากกันฝุ่นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ปัจจุบันมีมาตรฐานการรองรับประสิทธิภาพจากหลากหลายประเทศ เช่น มาตรฐานอเมริกา (NIOSH Standard หรือ NIOSH 42CFR84) , มาตรฐานยุโรป (European Standard หรือ EN 149) , มาตรฐานออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ (Australia/New Zealand Standard หรือ AS/NZS 1761) และมาตรฐานญี่ปุ่น (JICOSH) โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้
สัญลักษณ์แรกที่เราจะพบเห็นได้คือประเภท R และ D โดยประเภท R คือหน้ากากที่สามารถถอดเปลี่ยนไส้กรองได้ ซึ่งมีลักษณะตามภาพด้านบน แน่นอนว่าเหมาะสำหรับใช้ในโรงงาน ไซต์งานก่อสร้าง หรือในพื้นที่ปิดที่มีการระบายอากาศต่ำและต้องทำกิจกรรมต่อเนื่องเป็นเวลานาน
ต่อมาคือประเภท D ซึ่งเป็นแบบใช้แล้วทิ้ง มีประสิทธิภาพในการกรองราว ๆ 95% มีขนาดกะทัดรัดอย่างที่เราคุ้นเคยกันดีและเป็นประเภทที่คนทั่วไปนิยมใช้ (ในมาตรฐานของ NIOSH เป็นชนิด N,R,P และมาตรฐานยุโรป EN เป็นชนิด P1 , P2 , P3 ) อย่างไรก็ตามทั้ง 2 ประเภทนี้ยังมีรูปแบบแยกย่อยให้เราได้เปรียบเทียบเพื่อใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อให้ตรงกับความต้องการ ซึ่งจะอยู่ในหัวข้อถัดไป
คุณสมบัติในการกรองฝุ่นถือเป็นอีกปัจจัยย่อยสำคัญที่เราจำเป็นต้องพิจารณาตามสถานการณ์และสภาพแวดล้อมด้วยเช่นกัน เนื่องจากหน้ากากกันฝุ่นมีการแบ่งประเภทโดยอาศัยการกรองอนุภาคต่าง ๆ เพิ่มเติม ซึ่ง “S” ( N-Series ในมาตรฐานของ NIOSH ) คือหน้ากากที่สามารถกรองฝุ่นแข็งทั่วไปไม่ปนเปื้อนน้ำมัน เช่น PM2.5 ฝุ่นควัน ฝุ่นละออง ฝุ่นไม้ ฯลฯ
ส่วนประเภท “L” ( R-Series , P-Series ในมาตรฐานของ NIOSH ) คือหน้ากากที่เพิ่มขีดความสามารถในการกรองละอองของเหลวเข้าไป เช่น การระเหยของสารอินทรีย์ ละอองน้ำ ไอโลหะหรือละอองน้ำมัน เป็นต้น
นอกจากนี้ในบางรุ่นอาจมีการอ้างอิงมาตรฐานยุโรป ( EU EN 149) ซึ่งแบ่งคุณสมบัติในการกรองฝุ่นออกเป็น 3 ประเภทคือ FFP1 ป้องกันมลพิษ ฝุ่นควันที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางเดินหายใจ , FFP2 ป้องกันมลพิษที่เป็นอันตรายทั้งของแข็งและของเหลว , FFP3 ป้องกันมลพิษซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสุขภาพ รวมไปถึงสารก่อมะเร็งและกัมมันตภาพรังสี
ประสิทธิภาพหรือเปอร์เซ็นต์การกรองนับเป็นหัวข้อที่หลาย ๆ คนให้ความสนใจเป็นหลักเลยก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 หมวดคือ หมวด 1 กรองฝุ่นได้ 80% หมวด 2 กรองฝุ่นได้ 95% และหมวด 3 กรองฝุ่นได้ 99% แต่โดยทั่วไปที่แนะนำควรเป็นแบบที่กรองได้อย่างน้อย 95% ขึ้นไป เช่น N95 , P2 หรือ FFP2 เป็นอย่างต่ำ เพราะแม้ว่าในหลายรุ่นจะบอกว่าสามารถกรองฝุ่นยอดฮิตอย่าง PM2.5 ได้แต่กรองได้แค่ 80% ก็มีเช่นกัน
จากค่าจำเพาะข้างต้นจะเป็นข้อมูลที่ช่วยให้เราสามารถอ่านค่าการกันฝุ่นได้ด้วยตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น DS2 หมายถึงหน้ากากแบบใช้แล้วทิ้งซึ่งสามารถกันฝุ่นละออง(อนุภาคของแข็ง) ได้ในระดับ 95% ขึ้นไปนั่นเอง
เมื่อได้รู้จักกับประเภทต่าง ๆ ของหน้ากากกันฝุ่นกันไปแล้ว ก็ต้องมาดูต่อว่าหน้ากากที่เราเลือกนั้นกระชับใบหน้าหรือเข้ากันสันจมูกของเรามากน้อยเพียงใด ? เพราะการใส่หน้ากากที่ดีนั้นควรปิดให้มิดชิดหรือให้เกิดช่องว่างน้อยที่สุดเพื่อป้องกันฝุ่นควันขนาดเล็กซึ่งสามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ ทั้งนี้โดยส่วนใหญ่จะมีการแบ่งขนาดเป็น S , M , L ให้เราได้เลือกซื้อ
นอกจากนี้สามารถสังเกตตามรูปทรงของหน้ากากได้ด้วยเช่นกัน โดยที่พบได้ทั่วไปคือ ทรงก้นถ้วย (Cup Shape) , แบบพับได้สองชั้น (Falt Fold 2 Panel) , แบบพับได้สามชั้น (Falt Fold 3 Panel) , ทรงปากนกและทรงตัวซี (C-type)
เมื่อได้รู้จักกับชนิดต่าง ๆ ของหน้ากากกันไปแล้ว ก็ได้เวลาของ 10 อันดับหน้ากากกับฝุ่นยอดนิยมที่พกพาความพิเศษเฉพาะตัวมาให้เราเลือกซื้อได้อย่างง่ายดายผ่านทางออนไลน์ และจะมาช่วยเราฝ่าฝุ่นควันและมลพิษในแต่ละวันได้มากน้อยขนาดไหน ไปเริ่มกันเลย
สำหรับหน้ากากรุ่นนี้เป็นรูปแบบที่ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้ดีพอสมควร เพราะเสริมโครงลวดรวมถึงฟองน้ำรองรับสันจมูกเพื่อช่วยป้องกันการกดทับและช่วยให้กระชับใบหน้าได้เป็นอย่างดี มาพร้อมกับสายรัดชนิด Synthetic Rubber Heavy สามารถปรับระดับได้ รวมไปถึงเทคนิคการซีลขอบหน้ากากอย่างดีเพื่อป้องกันตัวกรองแยกชั้นออกจากกัน ที่สำคัญยังผลิตจากเส้นใยโพลีโพรพิลีน (Polypropylene) ชนิดพิเศษที่มีประจุไฟฟ้าสถิต เพื่อดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กและละอองเคมีที่มีผลต่อระบบทางเดินหายใจโดยเฉพาะเลยค่ะ
สำหรับใครที่มองหาหน้ากากเพื่อการทำงานในอุตสาหกรรมไม่ควรพลาด เพราะเป็นหน้ากากที่ช่วยป้องกันละอองพ่นสี ฟูมโลหะ ละอองไม้ ละอองน้ำมัน และฝุ่นละอองตั้งแต่ 0.3 ไมครอนได้เป็นอย่างดี มีแถบโลหะซึ่งสามารถปรับให้กระชับใบหน้าได้ พร้อมด้วยชั้นกรองฟิลเตอร์คาร์บอนรอบหน้ากากเพื่อช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้รอบทิศทาง และไม่ว่าฝุ่นละอองจะมีมากแค่ไหนก็ยังหายใจได้สะดวก เพราะมีวาล์วระบายอากาศแบบคูลโฟล (Cool Flow) ที่สามารถถ่ายเทอากาศ ลดความร้อนและความชื้นได้รวดเร็วนั่นเอง
เมื่อพูดถึงดีไซน์เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นเหนือใคร ก็ต้องยกให้รุ่นนี้ไปเลย เพราะนอกจากการออกแบบความสูงช่วงสันจมูกที่สะดุดตาแล้วตรงนี้เองที่เป็นส่วนสำคัญซึ่งสามารถป้องกันการรั่วซึมของอากาศภายนอกได้ทุกรูปหน้า แผ่นกรองทำจากเส้นใยที่มีความหนาถึง 3 ชั้น และวาล์วคู่เพื่อการระบายอากาศที่ดีขึ้น จึงเหมาะอย่างยิ่งกับงานที่ต้องเจอกับฝุ่นละอองเป็นจำนวนมาก เหมาะสำหรับสวมใส่เพื่อป้องกันฝุ่นละอองและกลิ่นที่ไม่มีพิษร้ายแรง และที่สำคัญสามารถนำมาซักล้างทำความสะอาด เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ได้หลายครั้งอีกด้วย
มาต่อกันที่หน้ากากเนื้อบางแต่ช่วยป้องกันฝุ่นละอองตั้งแต่ขนาด 0.3 ไมครอนได้ ผลิตจาก TPU (Thermoplastic Polyurethane) มีความยืดหยุ่นสูงไม่เสียรูป ไม่ก่อให้เกิดความระคายเคืองทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า 10 ชั่วโมงรวมไปถึงมีผิวสัมผัสอ่อนนุ่มทำให้สวมใส่ได้สบายมากขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมวาล์วขนาด 40 มม.ที่ซ้อนด้วยแผ่นซิลิก้าความบาง 0.3 มม. เพื่อให้อากาศไหลเวียนได้ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถลดความชื้นได้มากที่สุด และด้วยรูปทรงที่ทันสมัยทำให้ได้รับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียว
อีกความคุ้มค่าที่ประสิทธิภาพไม่ธรรมดาจริง ๆ สำหรับหน้ากากกรองฝุ่นจาก RespoKare ที่เหนือกว่าอีกขั้นด้วยแผ่นกรองถึง 5 ชั้น ซึ่งช่วยป้องกันมลพิษและฝุ่นควันโดยเฉพาะก๊าซจากการเผาไหม้อย่างก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) , ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) , ก๊าซโอโซน (O3) รวมไปถึงสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีแผ่นชี้วัดปริมาณมลพิษที่หน้ากากสะสมอยู่ โดยจะเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีน้ำตาลเข้มเมื่อสัมผัสกับมลพิษจำนวนมาก ซึ่งช่วยให้เราสามารถเปลี่ยนใช้ได้ในทันทีและเป็นผลดีต่อสุขภาพไม่น้อย
เป็นหน้ากากกรองฝุ่นทั่วไปที่มีประสิทธิภาพการกรองถึง 95% ตัวหน้ากากทำจากเส้นใยโพลีโพรพิลีน (Polypropylene) สามารถพับเก็บได้สะดวก มีความละเอียดช่วยดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM2.5 หรือ PM10 ได้เป็นอย่างดี และยังช่วยป้องกันเชื้อโรคหรือไข้หวัด 2009 (H1N1) ได้อีกด้วย ส่วนด้านบนมีแถบอะลูมิเนียมสำหรับปรับให้เข้ากับรูปจมูกเพื่อเพิ่มความกระชับในการสวมใส่ อย่างไรก็ตามรุ่นนี้ไม่เหมาะกับการใช้งานในอุตสาหกรรมเท่าไหร่นักเพราะไม่สามารถกรองอนุภาคของของเหลวอย่างละอองน้ำมันได้
พลาดไม่ได้เลยสำหรับหน้ากากตรางูชนิดพิเศษ ผ่านมาตรฐานการทดสอบ GB 2626-2006 ที่มีส่วนช่วยป้องกันจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคหรือก่อให้เกิดการแพ้ เช่น น้ำมูก ไวรัส น้ำลาย เกสรดอกไม้ ฯลฯ หรือฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 0.3 ไมครอน นอกจากนี้ยังมีความโดดเด่นที่การออกแบบพร้อมขอบโลหะด้านบนปรับได้ทำให้มีรูปทรงแนบเข้ากับใบหน้าและป้องกันได้อย่างมิดชิด แถมยังมีวาล์วเปิดปิด (Rescue Guard) ซึ่งช่วยระบายอากาศทำให้หายใจสะดวกยิ่งขึ้นโดยไม่รู้สึกอึดอัดอีกต่อไป
เป็นอีกหนึ่งหน้ากากที่แม้จะมีประสิทธิภาพการกรองฝุ่นอยู่ที่ 80% แต่ก็ยังได้รับความนิยมด้วยคุณสมบัติเฉพาะที่ทำจากเส้นใยโพลีโพรพิลีน (Polypropylene) พร้อมประจุไฟฟ้าสถิตช่วยดักจับอนุภาคขนาดเล็กที่ปนเปื้อนมาในอากาศเช่น ไอระเหย ละอองพ่นสีหรืออนุภาคที่มีขนาดเล็กกว่า 0.3 ไมครอน แถมยังมีการแทรกแผ่นคาร์บอน (Activated Carbon) ซึ่งช่วยกรองกลิ่นได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีวาล์วระบายอากาศทรงสี่เหลี่ยมช่วยลดความอบอ้าว และแถบอะลูมิเนียมบุโฟมที่ช่วยเพิ่มความกระชับขณะสวมใส่อีกด้วย
สำหรับหน้ากากคุณภาพที่มาพร้อมดีไซน์รูปทรงสามเหลี่ยมพับได้ ก็ไม่ทำให้ผู้ใช้ผิดหวัง เพราะตัวหน้ากากซึ่งผสมผงคาร์บอน ที่ไม่เพียงลดกลิ่นไม่พึงประสงค์เท่านั้นแต่ยังมีกระแสตอบรับว่าเป็นหน้ากากที่ช่วยป้องกันฝุ่นละออง ฝุ่นควัน หรือเชื้อไวรัสได้ดีที่สุดอีกรุ่นหนึ่งเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังเพิ่มเทคนิค Triangle Design เป็นการเย็บแบบพิเศษส่งผลให้หน้ากากไม่กดทับแต่แนบกระชับใบหน้าได้พอดี หรือแม้กระทั่งสายรัดที่ทำจากโพลีเอสเตอร์ มีความยืดหยุ่นซึ่งช่วยลดอาการบาดเจ็บจากการรั้งใบหูขณะสวมใส่ได้ดีทีเดียว
สำหรับหน้ากากกรองฝุ่นแบบสายรัดศีรษะสุดคุ้มค่ารุ่นนี้ นับเป็นการพัฒนาไปอีกขั้นจริง ๆ ด้วยทรง 3-Panel Flat-fold ซึ่งเป็นรูปแบบที่ป้องกันอากาศรั่วไหลด้านขอบได้ดีที่สุดและเพิ่มพื้นที่ใต้หน้ากากทำให้ไม้รู้สึกบีบรัดใบหน้า ทำจากเส้นใยโพลีโพรพิลีน (Polypropylene) พร้อมประจุไฟฟ้าสถิตพร้อมวาล์วระบายอากาศแบบคูลโฟล (Cool Flow) ที่สามารถลดความร้อนและความชื้นได้หน้ากากได้อย่างรวดเร็ว ช่วยป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก ฝุ่นจากงานบัดกรี งานหน้าเตาหลอมหรือฟูมโลหะได้อย่างดีเยี่ยม เรียกได้ว่าเหมาะกับทุกสถานการณ์จริง ๆ
เป็นอย่างไรกันบ้าง? สำหรับคุณสมบัติที่โดนเด่นและการยึดเกณฑ์มาตรฐานของผู้ผลิตที่แตกต่างกันไป ซึ่งน่าสนใจและน่าซื้อไว้ติดตัวจริง ๆ เพราะฝุ่นขนาดเล็กไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไปดังนั้นเมื่อเราเข้าใจถึงรูปแบบตลอดจนรายละเอียดเฉพาะตัวของหน้ากากแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยให้เราเลือกซื้อหน้ากากกรองฝุ่นที่ตอบโจทย์การใช้งานและเป็นทางเลือกเพิ่มความปลอดภัยได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามหน้ากากกรองฝุ่นเป็นเพียงอุปกรณ์เสริมที่ช่วยป้องกันได้เบื้องต้นเท่านั้น เพราะเหนือสิ่งอื่นใดถ้าเราช่วยกันรักษาความสะอาดด้วยการควบคุมแหล่งกำเนิดทั้งในงานอุตสาหกรรมและในชีวิตประจำวัน ให้มีปริมาณฝุ่นละอองลดน้อยลงได้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งช่วยให้มีความปลอดภัยและมีคุณภาพอากาศที่ดีต่อทุกคนมากขึ้นตามมาเท่านั้นนั่นเอง